290,000 แบรนด์ แห่ร่วมงาน มหรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11

27 ต.ค. 2564 | 11:47 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2564 | 19:03 น.

อาลีบาบา เผยแบรนด์เข้าร่วมมหรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 มากกว่า 290,000 แบรนด์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40,000 แบรนด์ มากที่สุดนับตั้งแต่จัดมหกรรมช้อปปิ้งนี้มา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาลีบาบา กรุ๊ป จัดงานแถลงข่าวออนไลน์เกี่ยวกับมหรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 (11.11 Global Shopping Festival) ปีที่ 13 สำหรับสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชีย  โดย นาย คริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป ได้กล่าวถึงพัฒนาการของมหกรรม 11.11 นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเรียบง่ายเมื่อ 13 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันที่กลายเป็นมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งปีนี้มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 290,000 แบรนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40,000 แบรนด์ และมากที่สุดนับตั้งแต่จัดมหกรรมช้อปปิ้งนี้มา

จากนั้น คริส ต่ง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของมหกรรม 11.11 ในอดีตที่ผ่านมา ที่เปลี่ยนจากเพียงงานช้อปปิ้งมาเป็นการสร้างคุณค่าให้ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในปีนี้มาพร้อมธีมการมีส่วนร่วม (inclusivity) และความยั่งยืน ซึ่งทำให้การจัดงานมีความหมายมากขึ้นไปอีก โดยมุ่งมีบทบาทในการส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม

นายคริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป

สำหรับโครงการใหม่ด้านความยั่งยืนและสินค้าเพื่อสังคมในมหกรรม 11.11 ปีนี้

เพื่อสิ่งแวดล้อม

-โปรโมตสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นครั้งแรกที่ทีมอลล์ (Tmall) จะเพิ่มส่วนที่แสดงสินค้าประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังแจกคูปอง “สีเขียว” มูลค่ารวม 500 ล้านบาทให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

-ร่วมกับแบรนด์ในการลดการปล่อยคาร์บอน - อาลีบาบาจะทำงานร่วมกับแบรนด์พันธมิตรในปีนี้เพื่อพัฒนาสินค้าที่สร้างคาร์บอน (carbon footprint) น้อยลง และใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้

-รีไซเคิลกล่องพัสดุ - ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ 60,000 จุด ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วจีน ให้ผู้ซื้อนำกล่องพัสดุมารีไซเคิลได้

-อาลีบาบาได้เริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่มหกรรมช้อปปิ้งกลางปี 618 ซึ่งในมหกรรม 11.11 ก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนเช่นกัน โดย หลี่ เช็ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป คาดว่าเทคโนโลยีสีเขียวของอาลีบาบาจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนต่อหนึ่งคำสั่งซื้อในมหกรรม 11.11 ได้สูงสุด 30% เมื่อเทียบกับงานในปีที่แล้ว

ช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการ “สินค้าเพื่อสังคม”

-โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” หรือ Goods for Good ของอาลีบาบา เริ่มต้นขึ้นในปี 2549 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อก็สามารถช่วยสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ชื่นชอบด้วยการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สนับสนุนองค์กรเหล่านั้น  นับจนถึงปัจจุบัน โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” ได้ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยแล้วมากกว่า 3 ล้านคนในจีน และติดตั้งระบบกรองน้ำให้โรงเรียนในชนบท 20,000 แห่ง รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุในจีนที่อยู่โดดเดี่ยวเกือบห้าแสนมื้อ

ด้าน หลีชิง เฉิน หัวหน้าฝ่ายการตลาดของมหกรรม 11.11 ปีนี้ ขึ้นมากล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อบนแพลตฟอร์มที่มีอยู่มากกว่า 900 ล้านคน และเป้าหมายในการมอบประสบการณ์ค้าปลีกแบบมีปฏิสัมพันธ์และตรงใจ ซึ่งในการเตรียมงานของมหกรรมปีนี้มีแนวทาง 3 ด้านที่อาลีบาบาใช้เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

โดยจุดเด่นของมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ปี 2564   นั้นจะเปิดให้พรีเซลล์สินค้าก่อนงานจริง มหกรรม 11.11 ในปีนี้ยังคงเพิ่มการจัดงานเป็น 2 ช่วงเหมือนในปีที่แล้วเพื่อเพิ่มความสนุกในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภค แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการเริ่มเปิดช่วงพรีเซลล์ก่อนเริ่มขายจริง 4 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 20.00 น. ตามเวลาจีน ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่จะเริ่มตอนเที่ยงคืน เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องรออยู่จนดึกเพื่อซื้อสินค้า

เพิ่มส่วนลดและของแถม มหกรรมในปีนี้เพิ่มการซื้อสินค้าเพื่อรับส่วนลดมากขึ้นได้จากหลายร้าน ลูกค้าจึงสามารถรับส่วนลดมากขึ้นจากการซื้อสินค้าหลายๆ ร้านหรือแบรนด์ได้  และเพิ่มฟีเจอร์เพื่อแชร์ไปยังเพื่อนและครอบครัว จากความต้องการของผู้บริโภคที่อยากแชร์สิ่งที่ตนซื้อในมหกรรม 11.11 ให้คนอื่นๆ ได้เห็นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ อาลีบาบาจึงเปิดตัวส่วนที่แสดงสินค้าที่พลาดไม่ได้ในมหกรรม 11.11 และฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ตะกร้าสินค้าไปบนโซเชียลมีเดียของตนได้

ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้คนทุกวัย  โดยเปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” ในแอปเถาเป่า (Taobao) ตามธีมในปีนี้ที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่ม ก่อนมหกรรม 11.11 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เถาเป่าจึงได้เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย สำหรับผู้สูงอายุที่ซื้อสินค้าบนเถาเป่า ฟีเจอร์นี้ขนาดตัวอักษรและไอคอนที่ใหญ่ขึ้น มีรูปแบบการใช้ไม่ซับซ้อน และมีเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียงบนแอป และแนะนำสินค้าสำหรับคน Gen Z เนื่องจากคนกลุ่ม Gen Z กำลังเข้ามามีบทบาทในการช้อปปิ้งมากขึ้น ทีมอลล์จึงเพิ่มการแนะนำสินค้าที่กำลังมาแรง ซึ่งตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ เช่น สินค้าในธีมจีนดั้งเดิม ของเล่นแนวอาร์ต และกล่องสุ่ม

ด้านอนิต้า อู๋ ผู้จัดการทั่วไป ทีมอลล์ โกลบอล กล่าวถึงการทำงานของทีมอลล์ โกลบอล ในการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับการช้อปปิ้งข้ามแดน และการจัดการความท้าทายด้านซัพพลายเชน ไปจนถึงการเพิ่มการสนับสนุนและทำงานร่วมกับแบรนด์จากต่างประเทศ เพื่อช่วยให้แบรนด์เหล่านั้นเข้าถึงความต้องการสินค้านำเข้าที่หลากหลายของผู้บริโภคจีน

โดยความต้องการซื้อสินค้านำเข้ามีมากขึ้นในจีน เนื่องจากโรคระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้บริโภคจีนจึงหันมาซื้อสินค้าแบรนด์ต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างทีมอลล์ โกลบอล ตัวอย่างของเทรนด์นี้เห็นได้จากมูลค่าการซื้อสินค้านำเข้าในจีนในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2564 อยู่ที่ราว 35 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมช้อปปิ้งที่หลากหลายมากขึ้น มีความต้องการซื้อสินค้านำเข้าจากแบรนด์นิช (niche) และสินค้าเฉพาะกลุ่ม ที่หลากหลายกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เป็นผู้หญิงกำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากแค่เพียงซื้อของเข้าบ้านให้ครอบครัว เป็นการช้อปปิ้งให้ตนเอง  ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับทารกจากฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่ง ที่ขายอยู่บนทีมอลล์ โกลบอล พบว่าแชมพูแบบไม่ต้องใช้น้ำมียอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มแม่ชาวจีน โดยเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว

สำหรับจุดแข็งและนวัตกรรมของทีมอลล์ โกลบอล  คือความพร้อมในการส่งสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง ทีมอลล์ โกลบอล มีพื้นที่ในคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เก็บสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ถึง 20,000 ตารางเมตร จึงมีศักยภาพด้านซัพพลายเชนสูง ในการจัดเก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอส่งผ่านโลจิสติกส์ให้ผู้บริโภคชาวจีน

และมีโซลูชั่นที่หลากหลายสำหรับธุรกิจต่างๆ สำหรับแบรนด์ต่างประเทศที่ไม่ได้บริหารจัดการร้านแฟลกชิปเอง ทีมอลล์ โกลบอล ก็มีโซลูชั่นค้าปลีกเต็มรูปแบบที่ช่วยดูแลการดำเนินงานค้าปลีกให้กับแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในจีนด้วย

นอกจากนี้ยังฟีเจอร์ “ค้นหาสินค้าใหม่” เพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างประเทศ ทีมอลล์ โกลบอล ได้เพิ่มฟีเจอร์แนะนำสินค้าจากผู้บริโภคที่เป็นผู้นำทางความคิด หรือ Key Opinion Consumer เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคจีนได้รู้จักสินค้าใหม่ๆ จากต่างประเทศผ่านวิดีโอสั้นในฟีเจอร์ “New Discoveries”