นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าภายหลังจากที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ กระทรวงการคลัง (กค.) กำลังออก เกณฑ์กำกับดูแลและควบคุมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งระหว่างนี้ไม่อนุญาตให้นำ คริปโตมาใช้ในการซื้อขายสินค้า
อย่างไรก็ตาม ธปท.กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ ยกตัวอย่างเช่น สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ที่มีการหนุนหลังด้วยมูลค่าเงินตรา มาไปใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการได้ ซึ่ง เพย์โซลูชั่น วางเป้าหมายเป็นผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ในรายแรกที่เปิดชำระด้วยคริปโตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีแนวคิดในการจัดทำโครงการนำร่องออกเหรียญ สเตเบิลคอยน์ เพื่อทดสอบการใช้ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ในระบบนิเวศ หรืออีโคซิสเต็มส์
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนจัดทำเหรียญสเตเบิลคอยน์เสนอไปยัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เม็ดเงินราว 10 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้แบ็กอัพในอัตราส่วน 1:1 และเปิดใช้เฉพาะบริษัทในกลุ่ม เช่น ใช้ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์, ใช้ในโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับรับ-ส่งสินค้า ของชิปป๊อบ มีกรอบและเกณฑ์ต่างๆ เพื่อป้องกันอย่างรัดกุม โดยผู้จ่ายสามารถจ่ายผ่านระบบกระเป๋าคริปโตเมตามาสก์ (Metamask) ผ่านระบบเครือข่ายบล็อกเชน (Blockchain) ของ Binance Smart Chain (BSC) ที่เป็นที่นิยมกันทั่วโลก ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนทั้งหมดจะแล้วเสร็จและเสนอไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลา 1 เดือน
ด้านนายณพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท. กล่าวว่า ธปท.กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา สินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ ยกตัวอย่างเช่น Stablecoin ที่มีการหนุนหลังด้วยมูลค่าเงินตรา ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายประเทศกำลังพิจารณาอยู่ และจะนำไปใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่จะเปิดบริการได้
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างหลักเกณฑ์ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัล มาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ ภายหลังจากปิดรับฟังความเห็นไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 กรณีที่ข้อเสนอแนะกระทบต่อหลักการก็จะมีการเสนอบอร์ด ก.ล.ต.เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งอาจต้องใช้เวลา แต่ในกรณีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก.ล.ต.จะดำเนินการออกประกาศและบังคับใช้ได้ภายในเร็วๆ นี้