ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่าหนึ่งในภารกิจของ NIA คือการสร้างเครือข่ายนักลงทุนทั้งในประเทศและในระดับโลก เพื่อเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพ และสร้างโอกาสการเติบโตให้แก่ผู้ประกอบการนวัตกรรม
โดยก่อนหน้านี้ NIA ได้มีการหารือเพื่อเชื้อเชิญองค์กรระดับโลกอย่าง “อควาสปาร์ค : Aquaspark” ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่จากประเทศเนเธอร์แลนด์ให้เข้ามาร่วมลงทุนด้านธุรกิจนวัตกรรมและสตาร์ทอัพในประเทศไทย
และเมื่อเร็ว ๆนี้ “อควาสปาร์ค”ได้เลือกกรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้งสำนักงานนอกประเทศแห่งแรก ซึ่งอควาสปาร์คจะเน้นลงทุนในธุรกิจเพาะพันธุ์พืชน้ำและสัตว์น้ำแบบยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนและผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย โดยศูนย์กรุงเทพแห่งใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้ จะมุ่งเน้นการแสวงหาข้อตกลงสำหรับกองทุนหลักที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ และขยายตลาดของอควาสปาร์คในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าอควาสปาร์คเลือกกรุงเทพฯ เป็นสำนักงานต่างประเทศเนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นเมืองที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพด้านธุรกิจอาหารทางการเกษตรที่เข็มแข็ง และกำลังเติบโต รวมถึงยังเป็นศูนย์กลางสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอาหารทะเลระดับโลก และเป็นฐานของกลุ่มบริษัทอาหารทะเลระดับโลกขนาดใหญ่และสถาบันวิจัยชั้นนำหลายแห่ง อีกทั้งประเทศไทยยังมีอุตสาหกรรมอาหารที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท โดยมีผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวม 890,000 ตันต่อปี”
“NIA และอควาสปาร์คมีแผนที่จะทำงานร่วมกันในอนาคต เพื่อผลักดันผู้ประกอบการนวัตกรรมผ่านโครงการ “SPACE-F” ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารแห่งแรกในประเทศไทยที่ NIA ก่อตั้งขึ้นร่วมกับพันธมิตร เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในเวทีโลก และระบบนิเวศสตาร์ทอัพด้านอาหารในกรุงเทพก็มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น NIA ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมของชาติ มีหน้าที่เป็น “บูรณากรระบบ” ที่จะเชื่อมระบบนิเวศสตาร์ทอัพประเทศไทยไปสู่สตาร์ทอัพระดับโลก และด้วยความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีด้านอาหารระดับโลก และสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็น “ฟู้ดเทคซิลิคอนวัลเลย์” ได้อย่างแท้จริง” ดร. พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติม