“ศุภชัย” พูดชัดแผนควบรวมธุรกิจแสนล้าน “TRUE-DTAC” ไม่ขัดต่อกฎหมาย

22 ก.ค. 2565 | 08:19 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2565 | 17:29 น.

"ศุุภชัย" ยืนยันควบรวม "TRUE-DTAC" ทำถูกต้องตามกฎหมายสามารถเดินหน้าได้เลย ยอมรับแผนสะดุดเล็กน้อยจากกำหนดเดิมที่ กสทช.ต้องอนุมัติภายในเดือนพฤษภาคมนี้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามพระราชบัญญัติปี 2561  การควบรวมสามารถทำได้เลยไม่ต้องขออนุมัติ และไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.มีอำนาจในการสร้างเงื่อนไขที่จะลดผลกระทบทางลบ และเพิ่มผลกระทบทางบวก ซึ่งทางเราพร้อมทำงานกับกสทช. เพื่อผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์สูง  การควบรวมสามารถทำได้เลยไม่ต้องขออนุมัติ และไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่กสทช.มีอำนาจในการสร้างเงี่อนไขที่จะลดผลกระทบทางลบ และเพิ่มผลกระทบทางบวก ซึ่งทางเราพร้อมทำงานกับกสทช. เพื่อผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์สูงสุด

 

นายศุภชัย ยอมรับว่า  ขณะนี้แผนควบรวมธุรกิจเกิดการสะดุด เนื่องจากไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ กสทช. ยังไม่ได้อนุมัติ ตามกำหนดระยะเวลาคือภายในเดือนพฤษภาคม 2565 ดังนั้นบริษัทฯอยากร่วมทำงานกับ กสทช.เพื่อให้เกิดประโยชน์ในทางบวก

 

ถึงแม้ กสทช.มีคณะกรรมการเพียง 5 คน ก็สามารถเดินหน้าขับเคลื่อนร่วมกันได้ เพราะ กรณีของ ทรู กับ ดีแทค เป็นการควบรวมธุรกิจใบอนุญาตที่ได้รับยังเหมือนเดิม  แตกต่างจากกรณีของ 3 บีบี กับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เป็นการซื้อกิจการต้องขออนุมัติ

 

“เราอยากให้กระบวนการต่างๆ เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะขั้นตอนต่างของทั้งสองบริษัทฯคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นรับทราบและอนุมัติแผนควบรวม เราอยากทำให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกระทบตลาดทุน ตลอดจนสิทธิประโยชน์ผู้ถือหุ้น ตามเงื่อนไขแล้วจะต้องควบรวมให้เสร็จภายในเดือนกันยายน 2565 ” นายศุภชัยกล่าว

 

TRUE-DTAC

 

นายศุภชัย กล่าวถึงเหตุผลการควบรวม คือ แรงกดดันอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ด้านการตลาดที่ถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดโดย OTT ไม่ต้องลงทุนเครือข่ายและไม่มีต้นทุนค่าคลื่น ขณะที่ผู้ประกอบการปัจจุบัน กลายเป็น DUMB PIPE และ ต้นทุนภาระการลงทุนที่สูงขึ้นทั้งเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะที่ OTT ใม่ต้องแบกรับภาระข้างต้น การควบรวมครั้งนี้ ลูกค้าทรู และ ดีแทคจะได้รับประสบการณ์ 5G ครอบคลุม ลูกค้าจะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มมาขึ้น และ บริการหลังการขายที่ดีขึ้นทั้ง ทรู และ ดีแทค ที่มีคอลเซ็นเตอร์กว่า 5,200 คน 

 

“ควบรวมครั้งนี้ พนักงานไม่ต้องกังวลไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด” นายศุภชัยกล่าว.