ตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้ โต ดันรายได้ MFEC แตะ 6,734 ล้านบาท

24 ก.ย. 2567 | 10:28 น.
อัพเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2567 | 10:42 น.

MFEC ตั้งเป้าปี 67 รายได้กลุ่มธุรกิจแตะ 6,734 ล้านบาท รับอานิสงส์สัดส่วนไซเบอร์ซิเคียวริตี้ 25% ชี้ผสานนวัตกรรม AI และเสริมแกร่งแรงงานดิจิทัลไทยคือสูตรสู้ภัยไซเบอร์

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)  หรือ  MFEC กล่าวว่า “ในปัจจุบันทิศทางแนวโน้มการลงทุนจะมาจาก Integration Solution ในลักษณะการเป็น Single Partner, Enterprise Agreement, และธุรกิจ Security Managed Services โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดของโลกเทคโนโลยีสารสนเทศ

ตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้ โต ดันรายได้ MFEC แตะ 6,734 ล้านบาท

ซึ่งรวมถึงตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ การหดตัวของการลงทุนในประเทศไทยทำให้ลูกค้าของ MFEC เองก็ต้องปรับตัวตาม แต่ธุรกิจไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของ MFEC ยังคงเติบโตได้ดี และเป็นไปตามเป้าที่ได้วางไว้  โดยคา่ดว่าสัดส่วนรายได้ 25% จากเป้ารายได้  6,734 ล้านบาท จะมาจากไซเบอร์ซิเคียวริตี้ 

โดยเราใช้กลยุทธ์ Tech with Propose สร้างความมั่นใจและรักษาฐานลูกค้า และนำ เทรนด์ AI มาต่อยอดเป็นบริการโซลูชันใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน”

Generative AI ดาบสองคมในการโจมตีและปกป้องในสงครามไซเบอร์

Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนและชาญฉลาด และมีบทบาทสำคัญในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ถือเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพทั้งในด้านการโจมตีและการป้องกันภัยไซเบอร์ การเข้าใจบทบาทและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรในการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต เพราะหากถูกนำมาใช้โจมตีทางไซเบอร์อาจยากจะรับมือ

ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นำความสามารถของ Generative AI มาใช้เพิ่มความสามารถในการดำเนินงานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้องค์กรต้องพึ่งพาโซลูชันความปลอดภัยบนพื้นฐาน AI มากขึ้นเพื่อตอบโต้เชิงรุกต่อภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI และในฐานะเครื่องมือต่อต้านภัยคุกคามไซเบอร์ AI สามารถช่วยให้องค์กรวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล ตรวจจับและจัดการกับภัยคุกคาม รวมทั้งแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ

ในขณะเดียวกันองค์กรจำต้องวางแผนกลยุทธ์ในการยกระดับแรงงานดิจิทัล (Digital workforce) และลงทุนในทักษะและความรู้ของทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพ และก้าวนำหน้าอาชญากรไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

ด้านนายดำรงศักดิ์ รีตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)  MFEC กล่าวว่า “เทคโนโลยีและระบบ Gen AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาความผิดปกติในระบบ และปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการโจมตี

ตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้ โต ดันรายได้ MFEC แตะ 6,734 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน องค์กรจำต้องวางกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรแรงงานดิจิทัลให้พร้อมใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืน การนำ Gen AI มาใช้เพื่อต่อกรกับภัยไซเบอร์เป็นการช่วยผ่อนแรงมากกว่าการมาแทนที่ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจในหลากหลายมิติ ทั้งความถูกต้อง จริยธรรม ข้อบังคับ และผลเสียหายทางธุรกิจ ยังจำเป็นต้องใช้มนุษย์ในการตัดสินใจอยู่ การใช้เทคโนโลยีไซเบอร์ซิเคียวริตี้ และ Gen AI เพื่อการป้องกันภัยเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลงทุนในทักษะและความรู้ของบุคลากรทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง คือวิธีที่จะก้าวนำหน้าอาชญากรไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น”

นายดำรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบัน MFEC มี Cybersecurity Engineer กว่า 120 คนที่พร้อมให้บริการ โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะขยายตลาดและเติบโตในธุรกิจนี้อย่างก้าวกระโดดผ่านการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดกลาง (Mid-size) มากขึ้น รวมถึงการให้บริการแบบ Managed Service ครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐและเอกชน เรามุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพของบุคลากร ไม่เพียงแค่การเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการสนับสนุนให้บุคลากรได้รับการรับรองจาก Certificate มาตรฐานสากลต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความเชี่ยวชาญและ  ความพร้อมในการให้บริการด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ที่ครบวงจรและมีคุณภาพสูงสุด การพัฒนาบุคลากรเหล่านี้คือการสร้างฐานรากที่แข็งแกร่งในการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ของธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้และเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน”