นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่าการหารือที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ภาคเอกชนไม่ได้ให้ความสำคัญว่าพรรคไหนหรือใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่ต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว เพื่อที่จะได้เข้ามาทำงานเพื่อฟื้นการท่องเที่ยวโดยเร็ว
เพราะในขณะนี้แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเริ่มฟื้นแล้ว แต่สถานะของบริษัททัวร์อยู่ในสถานะย่ำแย่ โดยเฉพาะปัญหานักท่องเที่ยวจีนที่ไม่สามารถเข้าไทยได้ตามเป้าหมาย
เนื่องจากติดปัญหาการขอวีซ่าของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ที่ล่าช้าและมีขั้นตอนเยอะมาก ซึ่งได้ร้องเรียนไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังแก้ปัญหาได้ไม่ลุล่วง จึงเป็นห่วงว่านักท่องเที่ยวจีนซึ่งตั้งเป้าหมาย 5-7 ล้านคน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวทำงานร่วมได้กับทุกพรรค และอยากให้ตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพราะเอกชนมีความต้องการที่อยากเสนอให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ เพราะขณะนี้แม้นักท่องเที่ยวจากหลายๆ ชาติฟื้นแล้ว แต่จีนเป็นชาติเดียวฟื้นตัวน้อยที่สุด โดยเดือน พ.ค. ฟื้นแค่ 20%
โดยเอกชนรอรัฐบาลใหม่เพื่อเตรียมจะเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ โดยจะขอให้ชะลอหรือยุติการปรับขึ้นค่าแรงออกไปก่อน เพราะธุรกิจโรงแรมยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ประกอบกับมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เช่น ต้นทุนค่าไฟ
ขณะเดียวกันจากวิกฤติโควิดที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจโรงแรมมีภาระหนี้สินเยอะ ประกอบการธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับดอกเบี้ยสูงขึ้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้ขยายเวลาการจ่ายเงินต้นออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) กล่าวว่า เรารอรัฐบาลใหม่เพื่อเตรียมเสนอข้อเรียกร้องเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.ต้องการให้จัดสรรงบประมาณหรือกองทุนฟื้นฟูสภาพรถ ที่จอดนิ่งเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งใช้เงินซ่อมบำรุง 500,000 บาทต่อคัน 2.ต้องการให้ภาครัฐเร่งส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัสนำเที่ยว
3.ต้องการให้แก้เงื่อนไขของสำนักงบประมาณที่เพิ่งออกมา ในการประมูลงานภาครัฐ บริษัทต้องมีงบดุลไม่ติดลบ 1 ปี ซึ่งสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้บริษัท 90% ไม่มีใครไม่ติดลบ 4.ต้องการให้รัฐบาลออกนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาให้บริการทดแทนรถยนต์สันดาปเดิม ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีนโยบายเลย