“ตระกูลม่วงศิริ”ผนึกสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.กทม. ปชป.มั่นใจกวาดยกทีม

23 มี.ค. 2566 | 09:37 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มี.ค. 2566 | 09:47 น.

เลือดข้นกว่าน้ำ “ตระกูลม่วงศิริ” ผนึกกำลังสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 สนาม กทม. ในนามพรรค “ประชาธิปัตย์” มั่นใจกวาดที่นั่ง ส.ส.ยกทีม!

บ่ายวันนี้( 23 มี.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.)  รวมทั้งนายสากล นายสาคร นายสามารถ และ น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ ร่วมกันต้อนรับ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ซึ่งได้มาสมัครสมาชิกประชาธิปัตย์แบบตลอดชีพ และเสนอตัวลงเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

                         เฉลิมชัย ศรีอ่อน เปิดตัว“ตระกูลม่วงศิริ”ลงส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์

นายเฉลิมชัย  กล่าวภายหลังการมอบเสื้อและมอบบัตรสมาชิกให้กับนายสุวัฒน์ ว่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวประชาธิปัตย์ พร้อมกับได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตที่ 26 บางขุนเทียน เฉพาะแขวงท่าข้าม และเขตจอมทอง ยกเว้นบางขุนเทียน ที่พรรคได้สมาชิกจากครอบครัว “ตระกูลม่วงศิริ” เข้ามาร่วมในการลงสมัครผู้แทนในเขตดังกล่าว ซึ่งก็คือ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ 

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า จากการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำให้การวางตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรคซึ่งมีการวางตัวไปแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องปรับให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ 

                       เฉลิมชัย ศรีอ่อน เปิดตัว“ตระกูลม่วงศิริ”ลงส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์

นอกจากนี้จากการพูดคุยกับ นายสากล ม่วงศิริ นายสาคร ม่วงศิริ นายสามารถ ม่วงศิริ ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นอดีต ส.ส. ว่า ตนต้องการเห็นภาพคนใน “ตระกูลม่วงศิริ ทั้งหมดมาอยู่รวมกัน และทำการเมืองร่วมกัน เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ในเขตฝั่งธนฯ เป็นอย่างมาก

“ขอต้อนรับสู่พรรคประชาธิปัตย์ และขอต้อนรับที่จะเป็นกำลังสู้ไปด้วยกัน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ วันนี้เป็นวันที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เพชรขึ้นมาอีก 1 เม็ด คือ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ สำหรับการต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องฝั่งธนฯ ทั้งหมดจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์” นายเฉลิมชัย กล่าว 

                        

ด้าน นายองอาจ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นรองหัวหน้าพรรค รับผิดชอบดูแลพื้นที่ กทม. ขอต้อนรับ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ เป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในเขตจอมทอง ฝั่งธนบุรี เป็นระยะเวลายาวนานหลาย 10 ปี มีความรักผูกพันกับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก  

ขณะเดียวกัน เมื่อการแบ่งเขต ต้องถูกแบ่งใหม่ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องมีการตัดสินใจผนึกกำลัง เพื่อให้การแบ่งพื้นที่มีความเข้มแข็งมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งจะเป็นการรวมพลังในพื้นที่ทั้งหมด ให้นำไปสู่ชัยชนะของการเลือกตั้ง 

                        เฉลิมชัย ศรีอ่อน เปิดตัว“ตระกูลม่วงศิริ”ลงส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์

นอกเหนือจากการทำงานด้านอื่น ๆ แล้ว พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า การทำงานในพื้นที่อย่างเข้มแข็งของผู้สมัครในฐานะที่มาจากตระกูลม่วงศิริ ก็ถือว่ามีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น นายสากล ม่วงศิริ ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนทั้งเขตบางขุนเทียน และ เขตของ นายสากล ม่วงศิริ รวมทั้งพื้นที่บางส่วนก็อยู่ในเขตของนายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ด้วย 

และนอกจาก นายสุวัฒน์ จะดูแลพื้นที่บางขุนเทียน จอมทองแล้ว เขตของ นายสากล ยังมีเขตบางขุนเทียนในหลายแขวงที่ไปรวมกับเขตบางบอน ในขณะที่ เขตบางบอน เองก็ไปพันกับอีกเขต และเขตจอมทองเช่นเดียวกัน ส่วน นายสุวัฒน์ เองก็เคยเป็น ส.ส. ในพื้นที่เขตบางบอน จอมทอง และยังมีเขตหนองแขม ซึ่งมี น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ ดูแลพื้นที่อีกด้วย 

“จะเห็นได้ว่าทั้งเขตจอมทอง บางขุนเทียน บางบอน ล้วนเกี่ยวพันกันหมด และยังมีเกี่ยวพันกับเขตหนองแขม ทั้ง 3 เขต หากเราไม่ผนึกกำลังกัน แล้วต้องแข่งขันกันเองในหมู่ญาติพี่น้อง ก็จะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการทำงานในพื้นที่เป็นอย่างมาก 

ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราได้พยายามจัดสรรบุคคลที่มีความเหมาะสมที่สุดในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยไม่ได้มีเหตุผลอื่น แต่ต้องการทำให้คนเหล่านี้ได้มีโอกาสเป็น ส.ส. เพื่อทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนและบ้านเมืองต่อไป เป้าหมายสำคัญของการเชิญ นายสุวัฒน์ มาอยู่ในทีมเดียวกัน และทำงานร่วมกับพรรค จึงมาจากพื้นฐานของประชาชน และเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ” นายองอาจกล่าว 

ด้าน นายสุวัฒน์ ได้กล่าวถึงสาเหตุของการตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เพื่อให้ “ตระกูลม่วงศิริ” ไม่ต้องส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง ซึ่งจะกระทบต่อความเป็นปึกแผ่นของตระกูลม่วงศิริ และฐานเสียงของพี่น้องประชาชนเกิดความยากลำบากในการตัดสินใจ 

“การที่ผมเข้ามาอยู่ในทีมเดียวกัน อยู่พรรคเดียวกัน ก็จะทำให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”  

นอกจากนี้ยังเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ยั่งยืนและมีความสำคัญในการบริหารประเทศชาติ และผู้ใหญ่ใน “ตระกูลม่วงศิริ” ได้ขอร้องให้พวกเราดำเนินกิจกรรมทางการเมืองด้วยการเป็น “ทีมม่วงศิริ” เพื่อให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับพี่น้องประชาชน  

อีกทั้งยังเป็นการมอบความไว้วางใจให้กับพวกเราที่เป็นทีมม่วงศิริ ซึ่งมีฐานเสียงอยู่บริเวณนั้นมาอย่างยาวนาน จึงถือว่าเป็นเหตุผลหลัก ประกอบกับการที่ กกต. เพิ่งมีการแบ่งเขตอย่างกระชั้นชิด ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจในครั้งนี้ 

ส่วนกรณีทีข่าวว่าการลาออกจากพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ นายสุวัฒน์ นั้น เป็นเพราะมีดีลที่ใหญ่กว่า นายสุวัฒน์ ตอบว่า เรื่องดีลที่ใหญ่กว่านั้น ตนก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่เรื่องเขตเลือกตั้งมีความทับซ้อนกัน และแทนที่จะเห็น “ตระกูลม่วงศิริ” ส่งผู้สมัครแข่งขันกันเอง แต่จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากกว่า หากตนมาอยู่ร่วมกับทีมเดียวกัน และยังทำให้ประชาชนง่ายต่อการตัดสินใจ  

                     เฉลิมชัย ศรีอ่อน เปิดตัว“ตระกูลม่วงศิริ”ลงส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์

ด้าน นายเฉลิมชัย ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการตั้งเป้าตัวเลข ส.ส. ใน กทม. ว่า เราทำเต็มความสามารถทุกเขต เพราะฉะนั้นในเป้าหมายของเรา เมื่อเราทำเต็มความสามารถแล้วก็สู้ทุกพื้นที่ เชื่อว่าพี่น้อง กทม. จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ 

“นี่คือความตั้งใจที่จะทำให้พี่น้องเห็นว่า เราตั้งใจเข้ามาทำงานอย่างแท้จริง ขอให้เป้าหมายนี้เป็นคำตอบในวันที่ 14 พฤษภาคม ผมมั่นใจทุกเขตแต่จะชนะกี่เขตขอให้ถามประชาชนก่อน”

เลขาธิการ ปชป. กล่าวด้วยว่า “อย่าไปดูถูกประชาชน เพราะวันนี้ต้องฟังเสียงของประชาชนก่อน ว่าวันที่ 14 พฤษภาคม ปิดหีบ ประชาชนให้ความไว้วางใจใครบ้าง เท่าไหร่ นั่นถึงจะเป็นคำตอบ ผมเป็นคนที่ต่างจังหวัดเล่นละครไม่ค่อยเก่ง เล่นละครไม่เป็นด้วย 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะทำก็คือสิ่งที่มันจะเป็นความจริงเท่านั้นและมันมีโอกาสที่จะเป็นความจริง จะรู้ได้อย่างไรว่าประชาธิปัตย์จะไม่ได้มาก ให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจก่อน เพราะวันนี้ประชาธิปัตย์ก็กำลังเปลี่ยนให้คนไทยเห็นว่าเรากำลังเปลี่ยนแปลง เมื่อความเปลี่ยนแปลงเป็นความท้าทาย ดังนั้นเมื่อประชาธิปัตย์เปลี่ยน เรามาร่วมกันเปลี่ยนมั้ย มาช่วยผมมั้ย” 

นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ดีลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ดีลสายเลือด ไม่มีอะไรใหญ่กว่านี้ ส่วนถ้าดีลอื่นๆ ประชาธิปัตย์ สู้ไม่ได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวยังได้ถามความเห็นเรื่องการรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิในการรับประทานอาหาร ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับความเป็นนักการเมือง ตนก็ทานอาหารกับทุกคนเพียงแต่ตนไม่ได้โชว์ภาพเท่านั้นเอง 

“ผมเคยพูดไว้ว่า การเล่นการเมืองนั้น เล่นเพื่อที่จะทำประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนและประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเล่นการเมืองไม่ได้เข้าสู่สนามรบเพื่อฆ่ากัน แต่เข้าสู่สนามเพื่อแข่งขันกัน ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ประเทศไทยเดินได้” นายเฉลิมชัย กล่าว