ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ครั้งแรก หลังจากที่ได้หมายเลขพรรค และหมายเลขผู้สมัคร นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. คณะผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 เขต และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยมีประชาชนร่วมรับฟังเต็มพื้นที่ ด้วยบรรยากาศคึกคัก
ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ทุกชนชาติ สิ่งที่ผู้นำจะมอบเป็นมรดกแก่ลูกหลานที่ดีที่สุด คือ การศึกษาที่ดีที่สุด วันนี้ยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติด้วยการศึกษาของพรรคประชาธิปัตย์ จะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ลูกหลานของประเทศนี้ เพราะการศึกษาไทย คือ ลมหายใจ การศึกษาไทย คือ ดีเอ็นเอของพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะเป็นไทยแลนด์เวฟ ด้วยนโยบายเด็กไทยทุกคนจะได้ดื่มนมโรงเรียนฟรีตลอด 365 วัน รวมถึงเด็กไทยทุกคนจะต้องได้เรียนปริญญาตรีฟรีทุกคน หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยในปีแรกจะเรียนฟรีในสาขาที่ตลาดต้องการ เพื่อให้เด็กไทยทุกคน เก่ง ฉลาด และมีสุขภาพดี และมั่นใจว่า นโยบายเรียนฟรีจะได้เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานของลูกหลานทุกคนในอนาคต
“พรรคประชาธิปัตย์ มองเห็นอนาคตของท่าน เพราะอีก 20 30 ปีพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยังต้องอยู่ดูแลลูกหลานของทุกคน เราจึงอาสาดูแลลูกหลานคนไทย ด้วยนโยบายในการสร้างคน ต่อจากนี้จะไม่มีเด็กไทยคนไหน ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
ด้านนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และพร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับถ้าจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่พรรคประชาธิปัตย์มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
เพราะหมวด 1 เป็นหมวดที่ว่าด้วยความเป็นประเทศไทย ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันผู้ใดจะแบ่งแยกมิได้
และหมวด 2 หมวดที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเราเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว และนอกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งหนึ่งที่เรียนกับทุกคนที่เป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยกเลิกมาตรา 112 เพราะมาตรา 112 เป็นตัวบทกฏหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของประเทศ
“ทุกประเทศในโลกเขาก็มีบทบัญญัติของกฎหมายคุ้มครองประมุขของเขาทั้งสิ้น แล้วทำไมประเทศไทยจะมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศไทยไม่ได้ หากจะแก้ไขไปแก้ไขที่การบังคับใช้กฎหมายให้ยุติธรรม อย่าใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือในทางการเมืองแต่มาตรา 112 ต้องคงไว้ นี่ คืออุดมการณ์ชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้เรายึดมั่นสืบทอดกันมาตั้งแต่ปี 2489 จนถึงทุกวันนี้ 77 ปี” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคการเมืองของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่เป็นพรรคการเมืองของคนทุกรุ่น พรรคประชาธิปัตย์มีทั้งคนรุ่นอาวุโสที่เพรียบพร้อมด้วยประสบการณ์ และรับใช้บ้านเมืองมาอย่างยาวนาน จนวันนี้ก็ยังหายใจเต็มบ้านเมืองและประชาชน เช่น นายชวน หลีกภัย เป็นต้น
และนอกจากรุ่นอาวุโสก็ยังมีนักการเมืองรุ่นกลางกลางอย่างตน อย่างนายเฉลิมชัย เลขาธิการพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรคทุกคนที่รับผิดชอบพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้
และที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์ยังมีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์จำนวนมาก นี่คือสิ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่ยั่งยืนยง และจะอยู่ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด พร้อมยืนยันว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้งพร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาบ และพร้อมทั้งคนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี
“ที่สำคัญพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่ทิ้งเราไปคราวที่แล้ว เพราะอุบัติเหตุทางการเมือง ขอวิงวอนให้กลับมา กลับบ้านเรา กลับมาจับมือกับพวกเราชาวประชาธิปัตย์ทุกคน เพื่อพาสถาบันที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศไทย สถาบันนี้ที่ชื่อประชาธิปัตย์ เดินไปข้างหน้าด้วยกัน และไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เพื่อประชาธิปัตย์ แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไปหลังการเลือกตั้ง” นายจุรินทร์ กล่าว
จากนั้น นายชวน ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า อยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องว่า แม้ผลการยั่งเสียงหรือผลโพลจะออกมาว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนจะอยู่หลังๆ แต่ความรู้สึกส่วนตัว ในบรรดาบุคคลทั้งหลายที่อยู่ในพรรคต่างๆ ตนเชื่อว่านายจุรินทร์ไม่ได้เป็นสองรองใคร และนายจุรินทร์ตั้งใจเข้ามาทำการเมือง ไม่ได้มุงหวังทำให้ธุรกิจตัวเองมีกำไร แต่เข้ามาทำเพื่อบ้านเมือง
นายชวน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ชนะเกือบทั้งหมด แต่วันนี้เราต้องอยู่กับความจริง โผลการยั่งเสียงพูดง่ายๆ ต้องขอบคุณเจ้าของโพล ทำให้เรารู้ตัวเราขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่า ถ้าเรามีโอกาสทำความเข้าใจกับประชาชน ที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเราไม่ได้ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว
แต่พอจะเข้าใจอะไรที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพราะมีคนมาขอโทษว่ากลัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเอาไม่อยู่ ต้องไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ครั้งนี้เหตุการณ์เปลี่ยนแล้ว สถานการณ์นั้นไม่มีแล้ว
ดังนั้น คิดว่าประชาชนจะได้ย้อนกลับมาทบทวน พรรคปชป.ได้อยู่กลับเรามา 77 ปี วันนี้ย่างเข้าสู่ปี 78 หัวหน้าพรรคฯ พวกกับพวกเราแล้วว่า พรรคการเมืองตั้งมา 77 ปี เปเนไปได้อย่างไร มีพรรคไหนหรือไม่ที่ตั้งมาพร้อม ปชป.แล้วอยู่ได้ถึงวันนี้ไม่มี มีอันเป็นไปหมด
แม้จะมีอำนาจ มีเงิน ก็มีอันเป็นไปหมดเพราะประชาชนลงโทษ ไม่ได้ซื่อตรง จริงใจกับประชาชน เราอยู่มาได้ 77ปี ไม่ได้ชนะทุกครั้ง แพ้บ้างชนะบ้าง เสียใจบ้าง เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาแล้ว 8 คน เสียชีวิตไปแล้ว 4 คน ยังอยู่ 4คน ถ้าดูตามอาวุโส ตนก็จะไปก่อน ถ้าไม่มีใครแซง
“หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีคนไหนถูกคดีต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะฉ้อโกงคดโกง ไม่มี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ทุกวันนี้ และการซื่อสัตย์สุจริตต้องใช้เวลาพิสูจน์เมื่อเขาทำงาน พี่น้องได้พิสูจน์พวกเราทุกคนแล้ว
และในฐานะที่ผมเป็นนักการเมืองอยู่ในสภาฯมานานกว่าคนอื่น 55 ปี ได้เห็นความจริงที่อยากบอกว่าอย่าสิ้นหวังกับระบอบประชาธิปไตย เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90ปี พรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 77 ปี เราเห็นบ้านเมืองความก้าวหน้าโดยลำดับ อย่าไปหดหู่ท้อแท้ เพราะบ้านเมืองเราพัฒนาไปมาก และเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวต่อว่า การหยั่งเสียงโพลออกมามีการวิเคราะห์ และสื่อก็บอกว่าปชป.จะได้ส.ส. 5 คน ทำให้ใจหาย แต่ก็ต้องขอบคุณสื่อที่ทำให้เรารู้ตัว ถ้าเป็ไปตามโฟล ตนได้บอกกับนายจุรินทร์ว่า ไม่ต้องขอร้องตน ตนจะขออนุญาตไปขอพี่น้องไปทั่วประเทศ และกทม. ว่านอกจากเลือกส.ส.เขตแล้ว ช่วยเลือกเบอร์ 26 ด้วย
“ถ้าพวกเราไม่เลือกเบอร์ 26 ผมก็คงไม่ได้เป็น ส.ส. และสำคัญที่สุดไม่ได้โลภมากถึงขนาดขอให้ นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้เพราะอยู่ลำดับที่ 98 อย่างน้อยที่สุดขอให้คนเก่งๆ ของเราได้เป็น ส.ส.”