วันที่ 9 เม.ย. 256 ที่ตลาดบองมาร์เช่ มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.เจนจิรา รัตนเพียร (ดร.เจน) ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ตลาดบองมาร์เช่ เขตจตุจักร เพื่อช่วยกันแนะนำตัวและขอเสียงสนับสนุนให้กับ ผู้การแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร หมายเลข 14 พรรคประชาธิปัตย์
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทุกวันได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เข้าใจถึงตัวบุคคลที่ลงสมัคร และนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงผลงานที่ผ่านมาที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นนโยบายที่ทำได้จริง มีประโยชน์ และไม่สร้างภาระให้กับลูกหลาน
พี่น้องประชาชนในหลายบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จะกลับมา สมาชิกแฟนคลับที่อาจจะเคยทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ไป วันนี้ก็จะกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนคู่แข่งในพื้นที่นั้นทุกคนก็มีความรู้ความสามารถ แต่สิ่งที่สำคัญวันนี้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูลได้จากการทำงานจากนโยบาย
แต่อาจมีหลายพรรคที่จะเล่นนอกกติกา มีการเตรียมใช้เงิน แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มี เพราะเราจะใช้ความรู้ความสามารถของผู้สมัคร และนโยบายของพรรคในการต่อสู้ การใช้เงินไม่มีประโยชน์ แต่อยู่ที่การทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากกว่า และพี่น้องประชาชนกำลังเฝ้าระวัง และจับตามองอยู่ ทำให้การจะใช้เงินไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป โดยเฉพาะสมัยนี้มีเทคโนโลยีก้าวหน้า มีโทรศัพท์มือถือที่สามารถถ่ายภาพ ถ่ายคลิปเพื่อใช้เป็นหลักฐานได้
ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวว่า ระยะเวลาอีกกว่า 30 วันนั้น เป็นเพียงการย้ำการหาเสียงของผู้สมัครและพรรค แต่ความจริงตนเชื่อว่าประชาชนมีการตัดสินใจและเฝ้ามองผู้สมัครมานานกว่านั้น ว่าใครที่ตั้งใจทำงานจริงและมีความสม่ำเสมอ และที่สำคัญ คือ ไม่ทิ้งพื้นที่ จึงเชื่อว่าสิ่งที่ประชาชนจะใช้ในการตัดสินใจนั้น ไม่ได้อยู่ที่ 30 วัน หรือในโค้งสุดท้าย แต่เป็นการทำงานอย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มี ส.ส.ในพื้นที่ของกรุงเทพฯ แต่ 4 ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทิ้งพื้นที่ และพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ไปไหน ตนจึงมั่นใจว่าประชาชนจะเห็นถึงความตั้งใจทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ และที่สำคัญ ประชาชนจะให้โอกาสกับผู้สมัคร และพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
“ไม่อยากให้มองว่าพื้นที่ตรงไหนเป็นจุดแข็ง หรือ จุดอ่อน เพราะการทำงานต้องทำมาอย่างต่อเนื่องและทำมาโดยตลอด คงไม่ใช่แค่เพียง 30 วัน แล้วจะไปขอคะแนนเสียง หรือจะไปเจอพี่น้องเพียงแค่ 1 ครั้ง แล้วแปลว่าเขาจะยอมยกใจเลือกลงคะแนนเสียงให้กับพรรคใดพรรคหนึ่งโดยทันที”
มาดามเดียร์ ระบุด้วยว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คนเราอาจมีการเปลี่ยนใจไปบ้าง อยากจะได้ของใหม่บ้าง แต่วันนี้เดียร์ว่า หลายๆ คนที่เปลี่ยนใจไปเลือกของใหม่ ไปเลือกของชั่วครั้งชั่วคราว ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เวลาที่ท่านเปลี่ยนใจไป ก็ไม่มีคนดูแล ไม่มีความต่อเนื่องในการลงพื้นที่ แต่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอง เป็นพรรคที่อยู่คู่กับคนกรุงเทพฯ ตลอดมา และเข้าใจปัญหาของคนกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นจึงเป็นพรรคที่มีความเข้าใจ และสามารถลงมือแก้ไขปัญหาได้ทันที
ทั้งนี้ น.ส.วทันยา ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ขอให้ตัดสินใจเลือกผู้แทนที่จะไปเป็นปากเป็นเสียง และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง และเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีฐานแฟนคลับที่ยังคงเหนียวแน่นกับพรรค เพราะมีหลายคนเดินเข้ามาขอโทษที่ครั้งก่อนได้เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่น
“แต่ครั้งนี้จะกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ทำให้เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าในการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดประชาชน และยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พี่น้องประชาชนจะเข้าใจและให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์กลับมา”