คำต่อคำ "สุชาติ"ปะทะ"ธนาธร" ปมนักการเมืองรับใช้เผด็จการ

10 เม.ย. 2566 | 07:47 น.
อัปเดตล่าสุด :10 เม.ย. 2566 | 08:22 น.

ชัดชัด! คำต่อคำ วาทะเดือดกลางเวทีดีเบตเนชั่นเมืองพัทยา "สุชาติ"ชี้หน้า"ธนาธร"ปมร้อนนโยบายเพื่อคนภาคตะวันออกและนักการเมืองรับใช้เผด็จการ

จากกรณีเกิดเหตุปะทะคารมของสองนักการเมือง คือ  "นายสุชาติ  ชมกลิ่น"  กรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ "พรรครวมไทยสร้างชาติ"  กับ"นายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ" ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ถึงขนาดผู้ดำเนินรายการต้องปิดไมค์  หลังนายสุชาติ อยู่ในอาการเดือดหนัก ถึงขั้นชี้หน้า นายธนาธร ทั้งในรอบดีเบตนโยบายและรอบก่อนปิดเวที 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่  8  เมษายน 2566 โดย"เครือเนชั่น"จัดเวทีเบตเนชั่น" นโยบายหาเสียง ฟังนโยบายภาคตะวันออก  โดยเชิญแกนนำ 8 พรรคการเมืองร่วมเวที  ภายใต้โครงการ "Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย" 
 

บรรยากาศในการดีเบตรอบแรก เป็นรอบที่เปิดให้แต่ละพรรคพูด 5 นาที ถึงนโยบายที่จะทำเพื่อภาคตะวันออกและคนไทย ปรากฏว่า เมื่อถึงคิวของ นายสุชาติ ได้ลุกขึ้นพูด ได้เล่าถึงรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ประคองสถานการณ์โควิดด้วยการทำ "แฟกตอรี่แซนด์บ็อก" เพื่อประคองอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออก ทำให้เกิดการรักษาการจ้างงาน จนทำให้ตัวแทนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชื่นชมประเทศไทย

คำต่อคำ "สุชาติ"ปะทะ"ธนาธร" ปมนักการเมืองรับใช้เผด็จการ

"ท่านเชื่อหรือไม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วสภายานยนต์แห่งประเทศไทยตกลงโบนัสกัน ขออนุญาตเอ่ยชื่อ อีซูซุ โบนัส 8.5 เท่า เงินอีก 3.5 หมื่นบาท โตโยต้าเงินโบนัส 7.5เท่า เงินอีก 3.8 หมื่นบาท นี่แค่ 2 บริษัทนะครับ ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาไม่มีโบนัสแน่นอน เพราะนโยบายแฟคตอรี่แซนด์บ็อกซ์"

จากนั้นเป็นรอบของดีเบตนโยบาย เป็นคำถามนโยบายการเข้าถึงการศึกษาทุกช่วงวัย ที่นายธนาธร  เป็นผู้ได้บอกถึงนโยบายนี้  หลังจากนายธนาธร บอกเล่าถึงนโยบายการศึกษาเสร็จสิ้น นายธนาธร ได้พาดพิงนายสุชาติที่เล่าถึงการแจกโบนัสของบริษัทรถยนต์ก่อนหน้านี้ 

“อยากบอกพี่น้องประชาชนครับ ไม่อยากให้เข้าใจผิด ว่าการจ่ายโบนัสของค่ายรถยนต์เขาจ่ายกัน 8 เดือน 10 เดือนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ผลงานใครคนใดคนหนึ่ง   และอัตราการว่างงาน ยืนอยู่ระดับ 0.75%-1.5 %  เป็นแบบนี้มาเป็น 10 ปีไม่ใช่ผลงานใครคนหนึ่งเช่นกันครับ”

 ทำให้จากนั้นนายสุชาติ ขอใช้สิทธิ์พาดพิงโดยตอบว่า “ ผมจับตัวเลขนี้มา ว่าที่คุณธนาธรพูดเนี่ย อาจจะฟังจากพวกที่ให้ข้อมูลคุณ ผมจะบอกว่าถ้าเราไม่แก้ปัญหาโควิด ไม่รักษาการจ้างงาน ไม่รักษาออเดอร์ส่งออกจะมีแบบวันนี้ไหม ให้ทบทวนความคิด”

 

คำต่อคำ "สุชาติ"ปะทะ"ธนาธร" ปมนักการเมืองรับใช้เผด็จการ

 

จากนั้นเป็นรอบของดีเบตนโยบาย เป็นคำถามนโยบายการเข้าถึงการศึกษาทุกช่วงวัย ที่นายธนาธร  เป็นผู้ได้บอกถึงนโยบายนี้  หลังจากนายธนาธร บอกเล่าถึงนโยบายการศึกษาเสร็จสิ้น นายธนาธร ได้พาดพิงนายสุชาติที่เล่าถึงการแจกโบนัสของบริษัทรถยนต์ก่อนหน้านี้ 

“อยากบอกพี่น้องประชาชนครับ ไม่อยากให้เข้าใจผิด ว่าการจ่ายโบนัสของค่ายรถยนต์เขาจ่ายกัน 8 เดือน 10 เดือนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ผลงานใครคนใดคนหนึ่ง   และอัตราการว่างงาน ยืนอยู่ระดับ 0.75%-1.5 %  เป็นแบบนี้มาเป็น 10 ปีไม่ใช่ผลงานใครคนหนึ่งเช่นกันครับ”

 ทำให้จากนั้นนายสุชาติ ขอใช้สิทธิ์พาดพิงโดยตอบว่า “ ผมจับตัวเลขนี้มา ว่าที่คุณธนาธรพูดเนี่ย อาจจะฟังจากพวกที่ให้ข้อมูลคุณ ผมจะบอกว่าถ้าเราไม่แก้ปัญหาโควิด ไม่รักษาการจ้างงาน ไม่รักษาออเดอร์ส่งออกจะมีแบบวันนี้ไหม ให้ทบทวนความคิด”

จากนั้นนายธนาธร นั่งฟังแล้วยิ้มและขอตอบกลับว่า “ท่านรัฐมนตรีครับ ผมอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 20 ปี ท่านรู้ไม่สู้ผมหรอกครับ และอัตราการว่างงานของประเทศไทย อยู่ระดับนี้เป็น 10 ปีแล้ว แม้แต่ช่วงโควิดก็เพิ่มขึ้นไปไม่ถึง 2 %  ตอนนี้ก็ตกมาอยู่ระดับเดิมแล้ว ที่บอกเป็นสถิติ  ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ไปหาดูได้จากหน่วยงานรัฐทั่วไป ”

และตอนท้ายก่อนปิดเวทีดีเบตผู้ดำเนินรายการให้เวลาคนละ 1 นาที เพื่อบอกเหตุผลว่า ทำไมคนไทยถึงต้องเลือกพรรคของคุณ

นายธนาธร บอกว่า อนาคตของประทศไทยไม่ใช่เรื่องการทะเลาะกับใครเท่านั้น แต่ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย เป็นทางออกทางเดียว  ประชาธิปไตยคือไม่มีรัฐประหารอีกในอนาคต แค่นี้เองครับง่ายๆครับ จะทะเลาะกับใคร หรือไม่ทะเลาะกับใคร

"แต่ที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยไม่ได้  มีรัฐประการซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเรามีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ฝักใฝ่เผด็จการ ถ้าไม่ทางตรงก็ทางอ้อมไปเป็นนั่งร้านให้เขา  หรือไม่ก็รับใช้พวกเขาตรงๆเลย การมีนักการเมองอย่างนี้แหละ ทำให้เผด็จการณ์ไม่สูญหายไปจากประเทศไทยเสียที"

และหลังจากนายธนาธรพูดจบปรากฏว่านายสุชาติ ชมกลิ่น ลุกขึ้นมาตอบโต้ทันที

“คุณธนาธรพาดพิงนักการเมือง พูดพิงนักการเมืองทั้งประเทศ ถ้าคุณไม่ชอบนักการเมืองคุณก็อย่าเป็นนักการเมือง นักการเมืองคือคนที่เสียสละให้ประชาชน”

นายธนาธร ตอบโต้ทันทีว่า

"ทุกท่านครับ ผมเรียนอย่างนี้ครับ นักการเมืองเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ทำไมถึงมีเกียรติรู้ไหมครับ เพราะนักการเมืองเป็นอาชีพเดียวที่แต่งตั้งโดยตรงจากประชาชน  และที่แต่งตั้งได้โดยตรงจากประชาชน ก็เพราะเรามีประชาธิปไตย นักการเมืองที่ไม่เคารพประชาธิปไตย คือนักการเมืองที่ไม่เคารพจริยธรรมวิชาชีพของตัวเอง"

นายสุชาติ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้หน้ากล่าวสวนกลับมาทันทีว่า

“แล้ววันนี้มันไม่มีประชาธิปไตยตรงไหน ถามหน่อย”

นายธนาธร ตอบทันทีว่า"ส.ว. 250 คนเป็นประชาธิปไตยตรงไหน"

นายสุชาติ ตอบสวนกลับว่า แล้วที่เลือกตั้งนายกฯ 253  ใช่ ส.ว.หรือเปล่า 

 นายธนาธร  โต้ทันทีว่า " แล้วที่กกต.เปลี่ยนสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์นี่ถูกต้องไหมครับ  กกต.แต่งตั้งโดยใครครับ"

 

 หลังจากที่มีวิวาทะทางการเมือง ในวันถัดมา (9 เม.ย.)  "นายสุชาติ  เปิดเผยผ่าน"ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง เนชั่นทีวี"  ถึงเหตุการณ์เดือดกลาง"เวทีดีเบตเนชั่น"   ว่า สถานการณ์บนเวทีถ้าเป็นการการดีเบต แสดงวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรคก็ว่ากันไป แต่ไม่ใช่มาด้อยค่าสถาบันการเมืองด้วยกัน 

"ผมฟังแล้วมีความรู้สึกของขึ้น ที่มาพาดพิงนักการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยรับใช้เผด็จการ นักการเมืองพวกนี้เป็นขี้ข้าเผด็จการ ผมต้องถามกลับว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหนผ่านการเลือกตั้งกันมา  แล้วเราเป็นนักการเมือง ไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล  คนมาด่านักการเมืองนั่งทนดูได้ไง ต้องถามเขากลับว่า นักการเมืองไม่ดี ไม่เป็นประชาธิปไตยจะมาเป็นนักการเมืองทำไม แล้วมาโบ้ยว่าสว. 250 คน เกี่ยวอะไร คราวที่แล้วโหวตเลือกนายกฯก็ใช้เสียง ส.ส. 253 ก็ชนะ”  

 "นายธนาธร" ยังมาบอกว่า กกต.มาแก้คะแนนให้ก็ไปคุยกับกกต.สิ เกี่ยวอะไรกับนักการเมือง คนละประเด็น" นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย