ศรีสุวรรณ จี้ กกต. ตีความ"เงินดิจิทัล"เพื่อไทย อาจซ้ำรอย"เบี้ยกุดชุม"ยโสธร

12 เม.ย. 2566 | 06:01 น.
อัพเดตล่าสุด :12 เม.ย. 2566 | 06:10 น.

"ศรีสุวรรณ"จี้ กกต.เร่งวินิจฉัยเงินดิจิทัลเพื่อไทยขัดกฎหมายเงินตราหรือไม่ หลังเพื่อไทย ปูดเองเป็นเหรียญที่ใช้และเงินบาทได้ ชี้อาจซ้ำรอบยเบี้ยกุดชุมเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว

 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ดำเนินการสอบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย (พท.)

ที่ใช้เป็นนโยบายหาเสียงโดยมีกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่าไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) นั้นขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตราหรือไม่

นายศรีสุวรรณระบุว่า การที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการเลขานุการ โฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทยชี้แจงเพิ่มเติม 10 ประเด็นเกี่ยวกับ กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2566 โดยยอมรับว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อนั้น

"ศรีสุวรรณ"จี้ กกต. ตีความ"เงินดิจิทัล"เพื่อไทย อาจซ้ำรอย"เบี้ยกุดชุม"ยโสธร

กระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่าว เมื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งว่าไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) เป็นเพียงเหรียญ (คูปอง) ที่สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้นั้น อาจถือได้ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังสร้างเงินตราในรูปแบบใหม่ขึ้นมาใช้ จึงอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยตรง

จึงไม่ต่างอะไรกับเบี้ยกุดชุม ของชุมชนตำบลนาโส่ อ.กุดชุม จ.ยโสธร ที่โด่งดังเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และหรือกระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แล้วในขณะนั้นว่าเป็นการใช้และกำหนดเงินตราที่ผิดกฎหมาย


 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เมื่อพรรคการเมืองกำหนดนโยบายที่อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของ กกต./นายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะต้องสั่งให้ระงับยับยั้ง โดยดำเนินการบังคับใช้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โดยเคร่งครัด

โดยที่ กกต.ต้องวินิจฉัยให้เป็นข้อยุติว่าเงินดิจิทัลในรูปเหรียญ (คูปอง) ที่พรรคเพื่อไทยใช้เป็นนโยบายหาเสียงแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาทให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปนั้น ถือได้ว่าเป็นวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา 2501 หรือไม่”

หาก กกต.วินิจฉัยว่าเข้าข่าย พรรคเพื่อไทยก็จะต้องระงับการใช้นโยบายดังกล่าวโดยทันที และอาจมีความผิดตามมาตรา 73(5) แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 ฐานหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคอาจต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนด 20 ปีอีกด้วย