22 เมษายน 2566 "เครือเนชั่นกรุ๊ป" จัด เวทีดีเบตนโยบายหาเสียงโค้งสุดท้าย ก่อน "เลือกตั้ง 2566" ครั้งที่ 4 โดยเชิญ 8 แกนนำพรรคการเมือง เข้าร่วมงานดังกล่าว ภายใต้โครงการ "Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย" #นับถอยหลังวันพิพากษา ณ เวทีเกาะกลางอุทยานสวรรค์ จ.นครสวรรค์
ในช่วงถามตอบคำถามจากกองบรรณาธิการสื่อเครือเนชั่นและทางบ้าน ซึ่งได้มีการเปิดคลิปคำถามถึงแนวทางของพรรคการเมือง สำหรับการลดต้นทุนผู้ประกอบการในประเทศโดยเฉพาะต้นทุนพลังงาน
น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ราคาพลังงานพุ่งเพราะโครงสร้างค่าไฟบิดเบี้ยว ประเด็นแรกพลังงานที่ผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากแก๊ส ที่ประชาชนต้องเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะเอามาจากอ่าวไทย แต่ให้เอกชนผลิตปิโตรเคมี ทำให้ต้องสั่งเข้าจากต่างประเทศมาใช้ จึงแพง 5 เท่า ต้นทุนผลิตสูงขึ้น 4.77 บาท แต่ลดให้ 0.07 สตางค์ ยังไงก็แพง และผลิตพลังงานเกินจำเป็น
“แม้รัฐบาลเพื่อไทยอนุมัติ(สมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ต่อมาเกิดการรัฐประหาร มีการปรับท่อน้ำเลี้ยงไปรัฐประหาร หมื่นกว่าเมกะวัตต์ ค่าไฟจะแพงกว่านี้ ดังนั้น หากประชาชนเลือกพรรค-นักการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตย ก็จะได้ค่าไฟถูกๆ คืนมา” น.ต.ศิธากล่าว
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้า พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ถ้าจะแก้ปัญหาต้องเปลี่ยนโครงสร้าง แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มีการเซ็นเพิ่ม ให้สัมปทานโรงงานไฟฟ้าเพิ่ม และขอถามว่าทำไมถึงปล่อย (สัมปทาน)ให้เจ้าเดิมๆ ทำไมไม่ให้ประชาชนทำโซลาร์รูฟ ถ้ารับซื้อเหมือนที่ขายไป คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชน แต่นี่รัฐบาลกลับปล่อยให้กับเอกชนรายเดิมรวยไปอีก
เกี่ยวกับประเด็นนี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำภาคเหนือ ใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจงว่า ขอให้ไปอ่านนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติเสียใหม่ เพราะมีการระบุถึงเรื่องของพลังงานภาคประชาชน การติดตั้งโซลาร์เซลล์ โซลาร์รูฟ แล้วขายไฟกลับไปยังการไฟฟ้า และไม่รู้ที่นายอรรถวิชช์ พูดเป็นการลอก หรืออ่านละเอียดในเรื่องของพลังงานหรือไม่
นายอรรถวิชช์ จึงตอบกลับไปว่า ผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเป็นเบอร์ 2 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทำไมถึงแก้ปัญหานี้ไม่ได้ และไม่ต้องพูดถึงอนาคต วันนี้ทำได้แล้วหรือไม่