พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หนึ่งในพรรคการเมืองสำคัญบนเวที "เลือกตั้ง 2566" แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่ก็อุดมไปด้วยเหล่านักการเมืองดังหลายคน และยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งปัจจุบันนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของรัฐบาลรักษาการ โดยที่ผ่านมาทางพรรค รทสช. ก็ได้ประกาศนโยบายออกมาแล้วหลายเรื่อง
นโยบายส่วนใหญ่ที่ประกาศออกมาอยู่ภายใต้แคมเปญหลักของพรรคนั้นคือ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ฐานเศรษฐกิจขอสรุปนโยบายสำคัญของพรรคที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดความสนใจผู้สิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งใหญ่ 14 พฤษภาคม 2566 แบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้
นโยบายพร้อมทำประเทศไทยไปต่อ
1.เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัสเป็น 1,000 บาท/เดือน และใช้สิทธิฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท/คน
2. ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน วงเงิน 30,000 ล้านบาท
3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ผู้ประกันตน มาตรา 33
4. แก้หนี้เเช่แข็งหนี้ปลดหนี้ด้วยงาน
5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชนและเป็นอุปสรรคการทำกิน
6. ลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อแม่รวมสูงสุด 60,000 บาท
7. เบี้ยตอบแทน อปพร. คนละ 1,000 บาท/เดือน
8. ออมเงินพร้อมลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
9. ลดต้นทุนเกษตรกร ปุ๋ย น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาถูก
10. ไม่เลิกเงินบำนาญ ให้ข้าราชการ เบิกเงินสมทบ กบข. ได้ก่อน 30%
นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมเท่าเทียม
ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ประเทศไทยปีละ 4 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจโตปีละ 5% รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,000 บาท และ สร้างงานเพิ่ม 6.25 แสนตำแหน่ง
เพิ่มศักยภาพประเทศไทย
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย
- ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และ ระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค
- เป็นศูนย์กลางภูมิภาค ประตูสู่อาเซียนและจีนตอนใต้
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
- สร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ
ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกระจายเม็ดเงินถึงคนตัวเล็ก
- ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย
- คนละครึ่ง ภาค 2
- เที่ยวด้วยกันเมืองรอง ภาค 2
- เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่าคนละ 10,000 บาทต่อเดือน
กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือเกษตรกร และชาวประมง
- นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี เพื่อลดราคาน้ำมัน
- โครงการโคล้านครอบครัว
- ลดต้นทุนเกษตรกร ช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาทไม่เกิน 5 ไร่
- ปุ๋ย ไฟฟ้า น้ำมัน ราคาถูกสำหรับเกษตรกร
- แก้กฎหมายประมง ดูแลประมงพื้นบ้าน ปรับการทำงานของหน่วยงานของรัฐให้ความเป็นธรรม
เข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข
- 1 อำเภอ (เขต) 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม 1 ศูนย์ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยโรคร้ายแรงระยะสุดท้าย
ดูแลกลุ่มเปราะบาง
- เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 1,000 บาท เท่ากันทุกช่วงอายุ
- เพิ่มเงินช่วยดูแลบุตรแรกเกิดถึง 10 ปี เดือนละ 1,000 บาท(สำหรับแรงงานในระบบประกันสังคม)
ลดค่าครองชีพ
- นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี
- ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย
- โครงการ “แท๊กซี่เพื่อสังคม”
- หักลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อแม่สูงสุด 60,000 บาท
- ออมเงินพร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
บัตรสวัสดิการพลัส
- เพิ่มสิทธิเดือนละ 1,000 บาท/คน
- กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน
สร้างโอกาสเด็กไทย
- โครงการ “อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน”
- ทุนการศึกษาอาชีวะ 100 ทุน ต่อ 1 อำเภอ (เขต) ทุนละ 10,000 บาท
- โครงการ “เรียนจบมีงานทำ”
รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำกิน
- แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน ไม่โดนไล่ที่ ไม่ถูกฟ้อง
- พ.ร.บ.ความสะดวก ลดขั้นตอนทางกฎหมาย1,100 ขั้นตอน
ลดฝุ่น PM 2.5
- ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหามลภาวะเป็นพิษแบบSingle Command รวม PM 2.5
- เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า
- ส่งเสริมรถอีวี
- ใช้มาตรฐานยูโร 5 กับรถใหม่ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67
- เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด 50%
พัฒนาที่อยู่อาศัย
- ต่อยอดโครงการ “บ้านสุขประชา” มีบ้านมีงานทำ
- สินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟสที่ 3
- บ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร
- ฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส 2
สร้างโอกาสให้คนตัวเล็กด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
- เน็ตประชารัฐ
- พร้อมเพย์ แอปเป๋าตัง แอปถุงเงิน
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
- ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบคลาวด์
แก้หนี้
- “แช่แข็งหนี้" สูงสุด 3 ปี ตามเงื่อนไขโครงการ
- แก้กฎหมายเครดิตบูโรให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้
- แก้หนี้นอกระบบและมีที่พึ่งยามยากด้วย”กองทุนฉุกเฉินประชาชน”
- สมาชิกสหกรณ์ใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้
- แก้หนี้โควิดจบใน 12 เดือน
- แก้หนี้ กยศ. แก้หนี้กองทุนหมู่บ้าน และหนี้ภาครัฐด้วยงาน
กองทุนฉุกเฉินประชาชน
- วงเงิน 30,000 ล้านบาท เป็นที่พึ่งยามลำบากให้ประชาชนปลดพันธนาการเงินนอกระบบ
ประกันสังคมถ้วนหน้าทุกอาชีพ
- คืนเงินสะสมชราภาพ 30% ผู้ประกันตนมาตรา 33
- ข้าราชการเบิกเงินสมทบส่วนตนจาก กบข. ได้ 30%