เวทีปราศรัยใหญ่พรรคก้าวไกล ได้เริ่มเปิดประตูอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ตั้งแต่เวลา 16.00 น. และได้เริ่มปราศรัยในเวลา 18.00 น. ภายใต้แคมเปญ คำตอบสุดท้าย “ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน”
เปิดเวทีด้วย นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกร ได้กล่าวทักทายชาวอนาคตใหม่ พร้อมระบุว่าย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เคยใช้สถานที่นี้ ปราศรัยใหญ่ในนามพรรคอนาคตใหม่ แล้วในวันนี้ได้กลับมาใช้สถานที่เดิม โดยอาคารเต็มภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ก่อนจะส่งเวทีต่อให้กับ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล
นางอมรัตน์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยย้อนอดีตที่เคยนั่งอยู่ในอาคารนี้ ในนามพรรคอนาคตใหม่ เมื่อการเลือกตั้ง ปี2562 ต่อมาเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ทำให้เสียดาวฤกษ์ทั้ง3 คือ นายธนาธร , นายปิยบุตร และ ช่อ พรรณิการ์ แต่ได้เกิดดาวกระจายขึ้นเต็มสภา เช่น วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ,รังสิมันต์ โรม เป็นต้น
พร้อมย้ำว่า พรรคก้าวไกลโตอย่างก้าวกระโดดเพราะการทำงาน การเสนอกฎหมาย และเคียงข้างประชาชนที่ออกมาชุมนุม ต่อสู้กับทุนผูกขาด และท้าทายกับกองทัพ
จากนั้นได้ปราศรัยถึงการทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมสัญญาว่า ตนเองจะทำงานในฐานะกรรมการบริหารพรรคต่อไปตรวจสอบการทำงาน ของส.ส.พรรคก้าวไกล ให้ทำตามสัญญาในนโยบายพรรค เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลงนาม ICC โดยต้องทำใน 100 วันแรก
ในตอนท้าย นางอมรัตน์ ย้ำว่า พรรคก้าวไกล จะไม่พูดว่า "พี่น้องได้พายเรือมาส่งจนถึงที่แล้ว มาส่งถึงสภาแล้ว ก็ถีบหัวส่ง" และระบุว่าตนเอง เข้ามาแก้แค้นไม่ใช่แก้ไข ไม่เหมือนกับบางพรรคที่เคยประกาศว่า เข้ามาแก้ไข ไม่แก้แค้น
โดยวิธีแก้แค้นนั้นคือ การดำเนินนโยบายแก้ไขกฎหมาย ไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีกต่อไป ไม่ให้มีกฎหมาย ม.112 ที่ถูกนำมาใช้เพื่อการกลั่นแกล้ง ผู้อื่น รวมถึงการปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกองทัพ และดำเนินนโยบายตามที่พรรคก้าวไกลได้หาเสียงไว้ทุกประการ