การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย วันนี้ (13 กรกฎาคม 2566) ซึ่งเริ่มต้นการประชุมตั้งแต่เวลา 9.30 น. กระทั่งมีการลงมติในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. โดยประธานรัฐสภาได้นับองค์ประชุม พบว่า มีสมาชิกสภาแสดงตน 676 คน จาก 749 คน ถือว่า ครบองค์ประชุม โดยผลคะแนน โหวตนายกฯ อย่างเป็นทางการ ปรากฎว่า นายพิธา ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพราะคะแนนเสียงเห็นชอบไม่ถึง 375 เสียง หรือ ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมรัฐสภา มีมติไม่ให้ความเห็นชอบขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ยังไม่ยอมแพ้ และจะหายุทธศาสตร์รวบรวมเสียงเพื่อลงมติเลือกครั้ง 2 ต่อไปให้ครบ 376 เสียง
พร้อมยอมรับว่า เข้าใจกระแสกดดันที่สมาชิกวุฒิสภาได้รับแต่ก็ขอบคุณ 13 เสียงเห็นชอบ ที่สมาชิกวุฒิมอบให้แม้บางส่วนติดภารกิจต่างประเทศ ส่วนจะมีการประชุมอีกครั้งเมื่อใดนั้น ก็จะต้องรอประธานรัฐสภาเป็นผู้นัดประชุม
นายพิธา ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า ได้เตรียมใจสำหรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านไว้แล้วหรือไม่ โดยยืนยันเพียงว่าจะเตรียมใจ เตรียมสมอง และเตรียมแผนในการลงมติครั้งที่ 2
ส่วนจะยังจับมือร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลต่อหรือไม่นั้น นายพิธา ยืนยันว่า จากผลการลงมติ ก็ยังมีความเชื่อใจพรรคเพื่อไทย ทำงานด้วยร่วมกันด้วยความเชื่อใจ
นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ เพราะนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า พรรคก้าวไกลก็จะยังไม่ลดกำแพง และจะยังคงดำเนินการนโยบายดังกล่าวต่อเพราะพรรคก้าวไกลได้สัญญากับประชาชนไว้ในการเลือกตั้งแต่ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่การประชุมรัฐสภาในวันนี้ (13 ก.ค.) พรรคก้าวไกล ได้มีโอกาสชี้แจงการดำเนินนโยบายดังกล่าวในที่ประชุมรัฐสภา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
ขณะพรรคเพื่อไทยได้เผยแพร่อินโฟกราฟฟิกผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า พรรคเพื่อไทย 141 เสียง โหวต "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่มีแตกแถว เรายึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ทุกคะแนนเพื่อไทย เพื่อประชาชน
สำหรับผลการโหวตนายก ที่ประชุมรัฐสภา มีมติ ดังนี้