นักวิชาการชี้โอกาส “พิธา” ชวดนั่งนายกฯ มากกว่า 70%

13 ก.ค. 2566 | 12:01 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2566 | 05:56 น.

ผลการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี ของที่ประชุมรัฐสภา(13 ก.ค. 2566) มีองค์ประชุม 705 เสียง ผลการโหวตให้ความเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียงไม่เพียงพอได้เป็นนายกรัฐมนตรี

รศ.ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ประเมินไว้แล้วว่า นายพิธามีโอกาสไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสูงถึง 70% เพราะต้องผ่านด่านเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก (ส.ว.)ที่คาดว่าจะไม่เพียงพอ แต่หากผ่านไปได้ก็ยังต้องผ่านด่านที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่ได้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีถือหุ้นไอทีวีว่านายพิธามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่

รศ.ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช

จากนี้ไปต้องรอดูว่าแนวทางการนำเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้หากถึงที่สุดแล้วนายพิธาไม่ได้รับการสนับสนุน และพรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และหากไปจับขั้วใหม่กับพรรคขั้วรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาลเดิม พรรคเพื่อไทย น่าจะเสียคน (เสียพรรค) เพราะยืนยันมาตลอดจะอยู่กับก้าวไกลและอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย

“พรรครัฐบาลขั้วใหม่ คาดจะอยู่ไม่ครบเทอม 4 ปี เพราะสังคมกดดันจากสังคม การยอมรับของสังคมลดลง บวกกับพรรคก้าวไกลหากถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน จะถูกหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง และจะมีการประท้วงแน่นอน จะจบด้วยการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ภายใน 1-2 ปี และการเลือกตั้งครั้งหน้า จำนวน ส.ส พรรคเพื่อไทย น่าจะลดลงไปอีก พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะมี ส.ส.มากกว่าคราวที่แล้ว การตรวจสอบรัฐบาลจะดุดันมากขึ้น ความเห็นใจจากประชาชนต่อพรรคก้าวไกลจะมีมากขึ้นกว่าเดิม”