เทศมองไทย: หลัง"พิธา"พ่ายโหวตนายกฯ เปิดช่องส้มหล่น"เพื่อไทย"

14 ก.ค. 2566 | 07:04 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2566 | 08:44 น.

สื่อต่างประเทศเกาะติดการจัดตั้งรัฐบาลของไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นของการประชุมสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่รอบแรกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล ผู้ได้รับเสนอชื่อหนึ่งเดียว ได้คะแนนเสียงสนับสนุนไม่ถึงเป้าหมาย

 

อัลจาซีราห์ รายงานว่า ความพ่ายแพ้ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล แคนดิเดตหนึ่งเดียวในการพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกของสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสฯ (13 ก.ค.) จะนำไปสู่ภาวะชะงักงันทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยในอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ และพันธมิตรของนายพิธาจะต้องเลือกระหว่างการจะสนับสนุนเขาอีกครั้งในการประชุมสภานัดต่อไปในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ หรือ จะเลือกเสนอชื่อคนอื่นขึ้นมาแทน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เดอะการ์เดียน สื่อใหญ่ของอังกฤษ รายงานว่า มีแนวโน้มที่พรรคเพื่อไทย ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากเป็นอันดับสองรองจากก้าวไกล ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จะเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคเองในการโหวตครั้งต่อไป

เดอะการ์เดียนรายงานความเห็นของรองศาสตราจารย์ ดร. พรรณชฎา ศิริวรรณบุศย์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ให้มุมมองว่า หากมีการเสนอชื่อนายพิธาอีกครั้งในการโหวตครั้งหน้า ก็มีแนวโน้มว่า เขาอาจจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะเป็นนายกฯ ได้อยู่ดี และว่า

สำหรับสว. (สมาชิกวุฒิสภา) จะเป็นเรื่องยากสำหรับพรรคก้าวไกลในการได้รับคะแนนเสียงมากขึ้นในการโหวตรอบสอง และสิ่งที่อันตรายก็คือผู้ที่โหวตให้พิธา อาจถูกล็อบบี้จากสว.รายอื่นเพื่อไม่ให้ลงคะแนนให้เขาอีกในรอบสอง

รองศาสตราจารย์ ดร. พรรณชฎา กล่าวเสริมว่า มีความเป็นไปได้ว่า แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยอาจได้รับการยอมรับในสภามากกว่า ทั้งจากกลุ่มที่แค่ต้องการเพียงให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปจากอำนาจที่ครองมาตั้งแต่ก่อรัฐประหารเมื่อปีพ.ศ. 2557 แต่ขณะเดียวกัน แคนดิเดตของเพื่อไทย ก็อาจไม่เป็นที่พึงพอใจสำหรับคนรุ่นใหม่และอาจนำไปสู่การเดินขบวนได้

ความพ่ายแพ้ของนายพิธาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก (13 ก.ค.) อาจนำไปสู่ภาวะชะงักงันทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยในอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนี้

ทั้งเดอะการ์เดียนและ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายพิธาที่แม้ได้จะรับการเสนอชื่อแบบไร้คู่แข่ง และมีเสียงสนับสนุนจากพรรคพันธมิตรคอยหนุนหลังในการโหวตครั้งนี้ กลับได้คะแนนเสียงเพียง 324 เสียง ซึ่งมาจากฝั่งสว. 13 เสียง ขณะที่มีโหวตไม่เห็นด้วย 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง

พิธากล่าวกับรอยเตอร์หลังพบกับความพ่ายแพ้ในการโหวตรอบแรกนี้ว่า "ผมยอมรับผลที่ออกมาวันนี้ แต่ผมไม่ยอมแพ้ ผมยอมรับว่าผมได้ไม่ถึง 376 เสียง ผมได้ 324 โหวต และมี 200 ท่านที่งดออกเสียง ผมยอมรับด้วยว่าผลที่ได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ในแง่ที่ว่ามีหลายคนที่ไม่ได้มาเข้าร่วมประชุม และบางคนก็ไม่ได้ลงคะแนนตามที่ใจต้องการ ผมเข้าใจว่าบางคนได้รับความกดดัน หรือมีแรงจูงใจที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถลงคะแนนเสียงไปในทางเดียวกับเสียงของประชาชนได้ แต่ผมไม่ยอมแพ้ ผมจะหาวิธีอีกครั้งเพื่อรวบรวมให้ได้ 376 โหวตต่อไป"

ด้าน เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ สื่อใหญ่จากฮ่องกงรายงานว่า นายพิธายืนยัน เขาจะ “ไม่ยอมแพ้” หลังจากได้คะแนนเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอสำหรับการเป็นนายกฯ ในการลงมติครั้งแรก นอกจากนี้ ยังกล่าวขอบคุณ 13 เสียงจากสว. ที่ “กล้าหาญ” มากพอที่จะสะท้อนเสียงของประชาชน

สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า และนายพิธาก็ยังคงมีโอกาสที่จะโน้มน้าวผู้สนับสนุนและนักการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยม ให้เปลี่ยนใจและหันมาสนับสนุนเขาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของไทยให้ได้