นายสแตนลีย์ คัง ที่ปรึกษาอาวุโส หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand: JFCCT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับ การจัดตั้งรัฐบาลของไทย ในขณะนี้ ที่แม้ผ่านการเลือกตั้งทั่วไปมาแล้ว 2 เดือนก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และยังอยู่ในกระบวน การสรรหานายกรัฐมนตรี กันอยู่ แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อ เศรษฐกิจไทย และความยืดเยื้อก็มีแต่จะสร้างความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่านักการเมืองของไทยกำลังเร่งเจรจาและจัดการในเรื่องนี้อยู่ จากประสบการณ์ที่อยู่และทำงานในเมืองไทยมานานหลายสิบปีแล้ว เชื่อว่าทุกฝ่ายกำลังรีบหาทางจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะต้องเดินหน้าเศรษฐกิจกันต่อไป
“ตอนนี้นักธุรกิจ-นักลงทุนต่างชาติในไทย ขอให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพราะรัฐบาลรักษาการณ์แม้จะมีอยู่ แต่ก็คงทำอะไรได้ไม่มากนัก ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆที่จะมีผลต่อไปในอนาคต นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องรีบมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาจัดการดูแล มองไปรอบๆเราจะเห็นบริบททางเศรษฐกิจที่รอช้าไม่ได้ เราอยู่ในบริบทที่มีความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ต้นทุนการดำเนินธุรกิจพุ่งสูงขึ้น ดอกเบี้ยก็สูงทั่วโลก เราต้องมีรัฐบาลใหม่เข้ามาวางนโยบายใหม่ๆเพื่อรับมือ และมากำหนดทิศทาง”
ไม่ว่าพรรคไหนก็ต้องเร่งเดินหน้าเศรษฐกิจ
นายสแตนลีย์ คัง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธาน JFCCT มายาวนานหลายปี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอาวุโส กล่าวด้วยว่า ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะนำโดยพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองจากฟากรัฐบาลชุดเก่า เขาก็เชื่อว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่จะให้น้ำหนักความสำคัญและเร่งรีบทำเป็นประการแรก คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้รุดหน้า สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้เข้ากระเป๋าประชาชนคนไทย ให้ประชาชนกินดีอยู่ดีมากขึ้น สร้างโอกาสให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น
“ไม่ว่าพรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล หรือใครรวมกับใคร(เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม) ผมเชื่อว่าภารกิจแรกคือเรื่องเศรษฐกิจ ตอนนี้ผมมีความมั่นใจนะ ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว อย่างน้อยเราก็ได้ประธานสภาฯมาแล้ว ผมเชื่อว่าในวันนี้ (19 ก.ค. ซึ่งมีการประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบสอง) เราจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น และเชื่อว่าภายในสิ้นเดือน ก.ค. น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนายกฯคนใหม่ และรัฐบาลใหม่
ในส่วนของภาคเอกชน เรายังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ไม่ได้มีการหยุดชะงักอะไร จากประสบการณ์ที่อยู่ในไทยมานาน เราก็ยังคงดำเนินแผนธุรกิจของเราต่อไป” นายสแตนลีย์ คัง ที่ปรึกษาอาวุโส หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวในที่สุด