วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้ารัฐสภา เกียกกาย ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ปมถือหุ้นไอทีวี ประชาชนที่มารอฟังการโหวตนายกรัฐมนตรี ต่างกรูไปยังประตูสภาฯ เพื่แแสดงความไม่พอใจ ว่าประชาชนเลือกตั้งมา 14 ล้านเสียง หนุนนายพิธา แต่ ส.ว. และองค์กรอิสระ ไม่เคารพ
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ประชาชนบางส่วน ปาขวดน้ำพลาสติกไปยังประตู ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จะตั้งแนวภายในรั้ว
เวลา 12.33 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝากบทกลอนให้ประชาชน “หากคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” พร้อมขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ จากนั้น เจ้าหน้าที่ออกมาประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับไปอยู่ในพื้นที่เดิมที่ขออนุญาตไว้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ประชาชนได้ทยอยถอยออกจากบริเวณหน้าประตูรัฐสภา กลับไปยังฟุตบาทฝั่งศูนย์ราชการกรุงเทพฯเกียกกาย ตามที่เจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ขอสัญญาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน จะดูแลทุกคนเหมือนพี่น้อง เราจำเป็นต้องรักษาพื้นที่ตรงนี้ไว้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
น.ส.กัญารัตน์ บุญรีบส่ง อายุ 21 ปี เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มเพื่อนนักกิจกรรม ชูป้ายผ้า ‘เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’ และ ‘หยุดแข่แข็งประเทศ’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม กลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหา ม.112 เดินทางมาร่วมชุมนุมโดยสวมชุดสีดำ กางเกงขายาว ค่อนข้างทะมัดทะแมง พร้อมสะพายกระเป๋าเป้ โดยยังไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงอีกครั้ง เเจ้งผู้ชุมนุมกลุ่มที่ยังอยู่หน้าประตูว่าจะดำเนินการใช้เครื่องมือกีดขวางในการปิดกั้นประตูเพื่อป้องกันมือที่สาม
“เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยรักษาพื้นที่รัฐสภา เพื่อเสริมกำลังตำรวจรัฐสภาซึ่งพื้นที่หน้าประตูรัฐสภาไม่ใช่พื้นที่ชุมนุมจึงขอให้ทางผู้ชุมนุมกลับไปชุมนุมยังสถานที่ที่ตัดไว้ที่ศูนย์ราชการเกียกกาย ซึ่งหากผู้ชุมนุมไม่เชื่อฟังอาจเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายได้” เจ้าหน้าที่กล่าว
13.19 น. ประชาชนส่วนหนึ่งจุดพลุควัน พร้อมกับโปรยใบเรียกร้องให้ส.ว.ลาออกเข้าไปในรั้วรัฐสภา