ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 23 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา ที่วัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ปลงผม โดยมี พระอาจารย์พบโชค เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เป็นคนปลงผมให้
ทั้งนี้ นายสามารถ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวใจความว่า
“ผมได้ทำตามสัญญา โกนหัว ไว้อาลัยให้กับ สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภาแล้ว หลังมีมติโหวตให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย
ก่อนอื่น ผมต้องขอชี้แจงก่อนว่า ผม กับ คุณเศรษฐา ทวีสิน ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะอะไรกันมาก่อน ไม่เคยโกรธเกลียดอะไรกันมาก่อน ผมยังเคยชื่นชม และศรัทธา คุณเศรษฐา มาก่อน ในฐานะนักธุรกิจที่พัฒนาที่อยู่อาศัยให้ประชาชน
แต่ผมก็ต้องยึดมั่นกับคำพูด และ ผมเองก็มีความเชื่อมั่นว่า นักการเมืองที่ดี ก็ต้องรักษาคำพูด ยิ่งคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีสิ่งนี้มากกว่าคนทั่วไป
ผมเองได้ยิน คุณเศรษฐา พูดชัดเจนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ที่พูดในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งก็เหมือนเช่น คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล ที่ก็พูดเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เช่นเดียวกับคุณเศรษฐา ผมว่าคลิปวิดีโอเหล่านี้หาได้ไม่ยาก ในโลกโซเชียลมีเดีย
แต่ ผมกลับไม่เห็นมี ส.ส. หรือ ส.ว. คนไหนอภิปรายเรื่องนี้เลย ผมจึงคิดว่าไม่ยุติธรรม การที่คนสองคนพูด ประโยคเดียวกัน แต่คนนึงโดนถล่มจากรัฐสภา แต่อีกคนกลับไม่มีคนพูดถึง
ยังไม่นับรวมถึงเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ใน มาตรา 160 (4) ว่า ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
แต่ปรากฏว่า มีเอกชนบางคน ยอมเสี่ยงคุก เสี่ยงตาราง อภิปรายข้อมูลอย่างกว้างขวาง แต่ในรัฐสภาไม่หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็น ซึ่งผิดวิสัยที่รัฐสภา จะปล่อยผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้
จน มี ส.ว.ท่านหนึ่ง พูดในรัฐสภาว่า มีการแจกกล้วยในรัฐสภา ผมเองก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง ที่รัฐสภาอันเป็นที่ออกกฏหมายจะทำเรื่องวิบัติเช่นนี้ได้
แต่จากการโหวตให้ คุณเศรษฐา ทวีสิน ฉลุยแบบม้วนเดียวจบ ประกอบกับการไม่หยิบยกเรื่องการแก้ไขมาตรา112 มาอภิปราย และ เรื่องทุจริตที่มีเอกชนออกมาพูด ทำให้ผมคิดถึงประโยคหนึ่งที่ใช้คำภาษาอังกฤษว่า
"WHEN MONEY SPEAKS , THE TRUTH KEEPS SILENT แปลว่า เมื่อเงินพูด .. ความจริงก็เงียบ"
ตัวผมเองก็ยังไม่เชื่อว่า จะมีการแจกกล้วยกันในสภา ถึงตอนนี้เองผมก็ยังไม่เชื่อ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากยึดมั่นในคำพูดของตัวเอง โดยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไว้อาลัยให้กับการโหวตเลือกนายกฯ ที่ใช้มาตรฐานแตกต่างกัน
ผมเองก็เสียดายผมบนหัว แต่ถ้าการโกนผมบนหัวจะช่วยลดความเศร้าเสียใจให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนผมก็ยินดี และผมก็จะร่วมไว้อาลัยไปกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน ผมเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่พี่น้องทุกคนดี ผมก็พร้อมจะเดินผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปกับทุกคน
ผมขอชี้แจงว่า ชีวิตนี้ผมเคยโกนหัว แค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรก คือ ตอนบวช กับ สมเด็จพระสังฆราช และ ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 ที่พูดต่อสาธารณะว่า ถ้าคุณเศรษฐา ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ผมจะโกนหัว....ซึ่งผมยังเชื่อมั่นว่า คำพูด นั้นเป็นนาย ก่อนพูด เราเป็นนายของคำพูด แต่พอพูดแล้วคำพูดเป็นนายเรา ซึ่งคำพูดนี้ เป็นคำพูดของ พลเอก ชาติชาย เคยพูดไว้
ผมมีความเชื่อว่า เสียงของพ่อแม่พี่น้องประชาชนนั้น สำคัญและยิ่งใหญ่ ต้องเคารพและปฏิบัติตาม ผมมีศรัทธาว่า การเมืองเปลี่ยนได้ ด้วยตัวเรา
ป.ล.ขอขอบพระคุณพระอาจารย์พบโชค เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ที่เมตตาปลงผมให้ รวมถึงให้ศีลให้พรเป็นมงคลชีวิตแก่ผม ด้วยครับ