ดร.นิค -สุวดี พันธุ์พานิช ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1 คลื่นลูกใหม่จากพรรคไทยสร้างไทยที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคถึงกับออกปากบอกว่า เธอคนนี้ถอดแบบ เป็นร่างโคลนนิ่งของตัวเองเลยทีเดียวเพราะชื่นชอบในความสามารถและมองเห็นแววจึงออกปากทาบทามชวนมาทำงานร่วมกับพรรค ปัจจุบันเธอเป็นกรรมการบริหารและคณะทำงานด้านสาธารณสุขของพรรคด้วย
สุวดี หรือ นิค จบปริญญาเอก สาธารณสุขศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหาร บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป พ่วงด้วยตำแหน่ง Chief PPP (Public Private Partnership) Business ซึ่งเป็นธุรกิจความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนที่ดำเนินการสร้างศูนย์หัวใจให้กับโรงพยาบาลรัฐที่ไม่มีศูนย์หัวใจครอบคลุมถึงการดูแลจัดหาอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ เปิดรับรักษาคนไข้ "สิทธิบัตรทอง" แบบไม่เก็บค่าใช้จ่าย
หากแต่ความสำเร็จที่ได้รับยังไม่ใช่ "คำตอบสุดท้าย" ของคำถามที่เธอกำลังมองหา
"จากสถานการณ์ช่วงโควิดที่ผ่านมารวมถึงการพัฒนาโมเดลรัฐร่วมเอกชน ทำให้เราเห็นว่ามีทั้งอุปสรรคและโอกาสแต่ท้ายที่สุดแล้ว โมเดลไหนที่ประชาชนจะได้ประโยชน์มากที่สุดโดยที่รัฐไม่เสียประโยชน์
ที่ผ่านมาการทำงานโรงพยาบาลนั้นเราสามารถช่วยสุขภาพคนให้ดีขึ้นได้ปีละ 100,000 คนแต่ถ้ามันสามารถเปลี่ยนเป็นช่วยให้คนไทย 60-70 ล้านคนมีสุขภาพที่ดีได้จะดีกว่าไหม?"
ความคิดนี้กลายเป็นตัวผลักดันสำคัญที่ทำให้ "สุวดี" ก้าวเข้ามาสู่สนามเลือกตั้งปี 2566 อย่างมุ่งมั่น
"นิคใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองในเรื่องของธุรกิจว่า เราทำได้ วันนี้เดินมาถึงจุดที่อยากจะแบ่งปันสิ่งที่เรามีให้กับสังคมเพราะถ้าเรายังไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นนิคก็คงจะไม่กล้าพูด ไม่กล้าไปบอกให้คนอื่นทำเพราะนั่นหมายถึงการเอาประชาชนหรือผู้คนไปเสี่ยง
เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ซึ่งเป็นไอดอลของเรา เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานหนักด้านสาธารณสุขมาตลอด หยิบยื่นโอกาสชวนให้มาทำงานด้วยในวันที่เราพร้อมทั้งในเรื่องของประสบการณ์และหน้าที่การงานจึงเป็นโอกาสเป็นจังหวะที่ดี"
วันนี้หากพูดถึงงานการเมืองแล้ว "ดร.สุวดี" ไม่ใช่มือใหม่เธอคลุกคลีสั่งสมประสบการณ์ในแวดวงนี้มาตลอดช่วง 12 ปีที่ผ่านมา หลังจากจบนิเทศศาสตรมหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอได้สมัครเข้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยทางภาคเหนือซึ่งเป็นบ้านเกิด
ก่อนจะถูกทาบทามให้เข้ามาเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจึงได้มีโอกาสพบกับ นายแพทย์บุญ วนาสิน ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะทำงานจึงได้ถูกทาบทามให้ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวของนายแพทย์บุญ
ในช่วงนี้เองทำให้เธอมีโอกาสได้ทำงานการเมืองและธุรกิจไปพร้อมกัน กระทั่งมีการเปลี่ยนตัวรองนายกฯก็ได้รับโอกาสให้มาทำงานเป็นผู้ช่วยของนายโภคิน พลกุล ซึ่งกลายเป็นอาจารย์ที่สอนทักษะทั้งในเรื่องของกฎหมายและการเมืองให้ กระทั่งเกิดรัฐประหารปี 2557 เธอจึงลดบทบาททางการเมืองลงและเพิ่มบทบาททางธุรกิจมากขึ้น
พรรคไทยสร้างไทยภายใต้การนำทัพของคุณหญิงสุดารัตน์นั้น มีหลายเรื่องที่ต้องการผลักดันให้เกิดขึ้น เริ่มจากการปลดล็อกกฎและระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางให้ประชาชนทำมาหากินได้ จากนั้นรัฐต้องเสริมแรง ( Empower) ให้กับประชาชนให้กับผู้ประกอบการที่ขาดเงินทุนเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องเหล่านั้นให้เกิดความสะดวกสบาย ผลักดันกฎหมายที่ทำให้คนตัวเล็กตัวน้อยได้มีโอกาสยืนได้ด้วยตัวเอง
ที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องของสุขภาพประชาชนโดยการสร้างสังคมอุดมสุขภาพ หรือ wellbeing Society ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐทำคนเดียวไม่ได้ ทุกคนทุกภาคส่วนมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันในการสร้างสุขภาพที่ดี เช่น การเพิ่มภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่ขายอาหารที่ทำให้ประชาชนเสียสุขภาพ ตรงกันข้ามผู้ประกอบการรายใดที่ขายผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพก็จะได้รับการสนับสนุน เป็นต้น
รวมถึงเรื่องของสุขภาพผู้สูงอายุเพราะประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยทางพรรคมีโครงการบำนาญ 3,000 บาทเพื่อสร้างสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ ลดภาระลูกหลาน และมีรายได้เพียงพอสำหรับการยังชีพ เป็นการคืนศักดิ์ศรี คืนสุขภาพจิตและสุขภาพกายให้กับผู้สูงอายุ
"สำหรับตัวนิคเองมีความตั้งใจจริง ๆ ที่จะแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่มีอยู่ อยากมีส่วนสำคัญในการผลักดัน "สร้างสังคมอุดมสุขภาพ" เพื่อให้ทุกคนได้มีสุขภาพดี
อยากให้เชื่อมั่นในตัวคุณหญิงสุดารัตน์ซึ่งเคยทำโครงการ 30 บาทสำเร็จมาแล้วเชื่อมั่นว่า โครงการบำนาญ 3,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุนี้คุณหญิงทำได้อย่างแน่นอน"