เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง(ก.บ.ศป.) เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019 : COVID-19) ความว่า
ประกาศ ก.บ.ศป. เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙(Coronavirus Diseases 2019 : COVID-19)โดยที่กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อย่างต่อเนื่อง และปรากฏข้อเท็จจริงว่าบัดนี้มีผู้ได้รับการวินิจฉัยโรคติดเชื้อดังกล่าวแล้วเป็นจำนวนมาก และโรคติดเชื้อนี้ยังได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปยังหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก
ประกอบกับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ วันที่ ๒๔ ก.พ. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ให้เพิ่มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ ๑๔ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก.บ.ศป. ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผน ประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และนโยบายของประธานศาลปกครองสูงสุด
จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง และเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการในที่สุด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ก.บ.ศป. จึงออกประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ห้ามมิให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการต่างประเทศ อนุญาตหรืออนุมัติให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองไปต่างประเทศหรือเดินทางไปราชการต่างประเทศ ยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งมีกำหนดการเดินทางตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ โดยประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ประกอบด้วย
๑.สาธารณรัฐเกาหลี (South Korea)
๒.สาธารณรัฐจีน (Taiwan)
๓.สาธารณรัฐประชาชนจีน
๔.เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
๕.เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
๖.ญี่ปุ่น
๗.มาเลเซีย
๘.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
๙.สาธารณรัฐสิงคโปร์
๑๐.สาธารณรัฐอิตาลี
๑๑.สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
๑๒.ประเทศหรือเขตการปกครองอื่นตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศกำหนด
ข้อ ๒ ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศหรืออนุมัติให้เดินทางไปราชการยังประเทศหรือ เขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ตามข้อ ๑ ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการต่างประเทศมีคำสั่งยกเลิกการอนุญาตหรือการอนุมัติดังกล่าวในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองมีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางดังกล่าวได้ ให้ยื่นขออนุญาตต่อผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการเพื่อพิจารณาเป็นรายกรณี และเมื่อเดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยแล้ว ให้ดำเนินการตามข้อ ๓
ข้อ ๓ ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองผู้ใดเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) และกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการทราบโดยเร็วในวาระแรกที่สามารถกระทำได้นับแต่วันที่เดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทย และให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการพิจารณาสั่งให้ผู้นั้นหยุดราชการเป็นเวลาสิบสี่วันนับจากวันที่กลับมาถึงราชอาณาจักรไทย เพื่อแยกตัวเอง (Self-quarantine) และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำการป้องกันควบคุมโรคไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัด
การสั่งให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตไปต่างประเทศตามวรรคหนึ่งหยุดราชการ ให้ถือเป็นการลาป่วย
การสั่งให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางไปราชการตามวรรคหนึ่งหยุดราชการ ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณีมอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย