ฟิทช์ เรทติ้ง ปรับ ลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของสหรัฐอเมริกาลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยระบุถึงความแข็งแกร่งด้านเครดิตที่ลดลง ซึ่งรวมถึงยอดขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากการรับมือกับ ผลกระทบทางเศรษฐกิจของโรคโควิด-19
รายงานของฟิทช์ระบุว่า ทิศทางนโยบายการคลังของสหรัฐในอนาคตนั้น บางส่วนจะขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสภาคองเกรสสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้ พร้อมทั้งเตือนว่า มีความเสี่ยงที่ภาวะชะงักงันด้านนโยบายอาจจะดำเนินต่อไป ทั้งนี้ หนี้สินและยอดขาดดุลงบประมาณซึ่งเพิ่มขึ้นอยู่แล้วก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ได้ทำให้ความแข็งแกร่งด้านเครดิตของสหรัฐเริ่มปรับลดลง
"ความยืดหยุ่นด้านการเงินซึ่งได้รับแรงหนุนจากการแทรกแซงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อฟื้นฟูสภาพคล่องให้กับตลาดการเงิน ไม่ได้ช่วยขจัดความเสี่ยงทั้งหมดเกี่ยวกับหนี้สินในระยะกลาง และยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นว่า ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐจะไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินสาธารณะได้อย่างเพียงพอที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับหนี้สาธารณะ หลังจากผลกระทบจากโรคระบาดผ่านพ้นไป" ฟิทช์ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
IMF คาดโควิดฉุดศก.สหรัฐปีนี้หดตัว 6.6% เตือนอาจทรุดอีกหากระบาดไม่หยุด
เฟด-คลังสหรัฐจับมือ ร่วมกันพยุงเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด
“สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง7”ของเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและตลาดการเงินปี 2020
ฟิทช์คาดการณ์ว่า หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะสูงเกิน 130% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปีหน้า (2564) โดยหนี้สินของสหรัฐอยู่ที่ระดับสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่ฟิทช์จัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA
นายไมค์ อิงลันด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแอคชัน อีโคโนมิกส์ คาดว่า ตลาดการเงินจะได้รับผลกระทบในทางลบจากการปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐดังกล่าว "การปรับลดแนวโน้มเครดิตครั้งนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดการเงินสหรัฐลดลง และจะกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการขายพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้น แม้ไม่มีใครคาดว่า สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ก็ตาม"