ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้น การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ กับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า การเจรจากับปธน.ปูตินเป็นไปด้วยดี สร้างสรรค์ และมีแนวโน้มว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย จะมีการพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ไม่มีการพูดจาข่มขู่กันในการประชุม ไบเดนให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สหรัฐและรัสเซียควรร่วมมือกันในสิ่งที่จะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เขาไม่คิดว่าปธน.ปูตินมีความสนใจที่จะทำสงครามเย็นครั้งใหม่กับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากมีความพยายามที่จะละเมิดอธิปไตยของสหรัฐ สหรัฐก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพฤตกรรมแบบนั้นอย่างแน่นอน
“ประธานาธิบดีปูตินรู้ดีว่า สหรัฐจะจัดการรัสเซียแน่ ถ้าหากมีการแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งใหม่ของสหรัฐ หรือมีการโจมตีทางไซเบอร์” ผู้นำสหรัฐกล่าวช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ได้หารือกับปธน.ปูตินเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งสหรัฐและรัสเซียจะหารือกันต่อไปเกี่ยวกับแนวทางป้องกันการโจมตีเพื่อเรียกค่าไถ่ของบรรดาแฮกเกอร์
อีกเรื่องที่น่าจะเป็นข่าวดีของประชาคมโลกเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์นี้ก็คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันเกี่ยวกับมาตรการควบคุมอาวุธเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดสงคราม
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้แถลงข่าวแยกกันซึ่งแตกต่างจากรูปแบบการแถลงข่าวพร้อมกันในการประชุมสุดยอดระหว่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และปธน.ปูตินก่อนหน้านี้ว่า ในความเห็นของเขา การเจรจากับปธน.ไบเดนเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีสาระ และมีประสิทธิผล และเขาเองไม่รู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์กันระหว่างตัวเขาและผู้นำสหรัฐคนนี้
“ประธานาธิบดีไบเดนเป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีความเป็นมืออาชีพ และมีประสบการณ์” ปูตินกล่าวเสริม และว่าผู้นำสหรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกสำหรับความขัดแย้งที่มีอยู่ระหว่างประเทศทั้งสอง
“รัสเซียและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในการจัดการเจรจาเพื่อจำกัดการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย”
ปธน.ปูตินเปิดเผยข่าวดีว่า เขาเห็นพ้องที่จะส่งเอกอัครราชทูตรัสเซียกลับไปประจำการในสหรัฐอเมริกา และขณะเดียวกัน รัสเซียก็พร้อมต้อนรับเอกอัครราชทูตสหรัฐที่จะกลับมาประจำการในรัสเซียด้วย
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับนายอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียที่ถูกจับกุมตัวอยู่ในขณะนี้นั้น ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงเหตุการณ์ แต่ไม่เอ่ยชื่อของนายนาวาลนีว่า ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียรายนี้สมควรได้รับโทษจำคุก เนื่องจากละเมิดเงื่อนไขในการคุมประพฤติ และจงใจเดินทางกลับรัสเซียทั้งที่รู้ว่าจะถูกจับกุมตัวมาจำคุก ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปธน.ไบเดนเองก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัสเซีย โดยผู้นำสหรัฐได้เอ่ยถึงการที่ชาวสหรัฐ 2 คนถูกตัดสินจำคุกในรัสเซีย และการจำคุกนายอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านดังกล่าวข้างต้นด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามประธานาธิบดีไบเดนว่า เขาเชื่อใจปธน.ปูตินหรือไม่ ไบเดนตอบว่า "เราจะต้องดูกันต่อไป"
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ที่ปรึกษาทำเนียบขาวได้แนะนำให้ปธน.ไบเดนแยกการแถลงข่าวกับปธน.ปูติน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น เช่น ปธน.ปูติน อาจยื่นข้อเสนอใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในการหารือ
การประชุมครั้งสำคัญนี้ นับเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกของผู้นำทั้งสอง และมีขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตกต่ำระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ซึ่งมีความขัดแย้งในหลายเรื่อง อาทิ กรณีรัสเซียบุกรุกยูเครน การโจมตีทางไซเบอร์ซึ่งมักมีชื่อรัสเซียอยู่เบื้องหลัง ปัญหาสิทธิมนุษยชน และการแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
ประเด็นการหารือของผู้นำทั้งสองฝ่าย ครอบคลุมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง