“สายพันธุ์เดลตา” ระบาดไกล ทำแอฟริกาใต้ติดเชื้อใหม่วันละเกือบ 2 หมื่นราย
ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในแอฟริกาใต้ยังเพิ่มต่อเนื่องท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอก 3 ที่รุนแรงกว่าเดิม อัตราติดเชื้อใหม่เฉลี่ยรายวันใกล้แตะ 20,000 รายตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีลั่นขยายเวลาล็อกดาวน์ระดับ 4 เพิ่มอีก 14 วัน
สื่อต่างประเทศรายงานว่า แอฟริกาใต้ เป็นอีกประเทศที่กำลังเผชิญ การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้นับเป็น ระลอกที่ 3 หรือรอบ 3 นายไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.ค.) ว่า แอฟริกาใต้จำเป็นต้องขยายเวลาการบังคับใช้ มาตรการล็อกดาวน์ ระดับ 4 ออกไปอีก 14 วัน เนื่องจากยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน
ผู้นำแอฟริกาใต้ กล่าวว่า เชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย ได้ลามระบาดมาถึงแอฟริกาใต้แล้ว และมีอัตราการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดรอบ 3 ในประเทศ ซึ่งขณะนี้อัตราการติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แอฟริกาใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉลี่ยรายวันที่เกือบ ๆ 20,000 ราย และเสียชีวิตกว่า 4,200 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกกว่า 200,000 ราย
ประธานาธิบดีรามาโฟซากล่าวว่า ระบบสาธารณสุขของแอฟริกาใต้กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักเนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น
"ภายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจำนวนผู้ป่วยรายวันที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศ จะเพิ่มสู่ระดับเดียวกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดในรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ส่วนในตอนนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้น และเพิ่มสูงกว่าช่วงที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในการระบาดรอบที่ 1 แล้วด้วย" ปธน.รามาโฟซากล่าว
ด้วยเหตุนี้ หลังการปรึกษากับจังหวัดต่างๆ แล้ว คณะรัฐมนตรีได้ตัดสินใจที่จะบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 ต่อไปอีก 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.จนถึงวันที่ 25 ก.ค. โดยห้ามไม่ให้มีการชุมนุมทางสังคม การเมือง ศาสนา และอื่นๆ รวมทั้งมีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวตั้งแต่ 21.00-04.00 น. และห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนโรงเรียนจะปิดการเรียนการสอนไปจนถึงวันที่ 26 ก.ค.
ทางด้านอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลต่อศาลกรณีห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่ปธน.รามาโฟซากล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลและห้องฉุกเฉินซึ่งเข้ารักษาตัวเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ และความรุนแรงระหว่างบุคคล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับระบบสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น
สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติแอฟริกาใต้เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.ค.) ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมง แอฟริกาใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 16,302 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 2,195,599 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 151 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตจากโควิดรวมอยู่ที่ 64,289 ราย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อทำให้สัดส่วนผลตรวจโรคเป็นบวกอยู่ที่ 30.4%