หลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้งอัลฟาเบท ทวิตเตอร์ แอปเปิล อูเบอร์ ฯลฯ แห่ออกมาตรการคุมเข้ม การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเดลตาในสถานที่ทำงาน เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบางราย อาทิ อูเบอร์ ออกกฎข้อบังคับให้พนักงานทุกคนในสหรัฐ “ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส” แล้วจึงจะสามารถกลับเข้าออฟฟิศได้ เช่นเดียวกับทวิตเตอร์ และอัลฟาเบท (บริษัทแม่ของกูเกิล และเฟซบุ๊ก) ที่ออกกฎในลักษณะเดียวกันโดยบังคับใช้กับพนักงานในสหรัฐก่อน ขณะที่กูเกิล วางแผนผลักดันให้พนักงานของบริษัทในภูมิภาคอื่นๆ ฉีดวัคซีน ในช่วงหลายเดือนข้างหน้าด้วย (อ่านเพิ่มเติม: สถานการณ์โควิด-19 ไม่น่าไว้ใจ บิ๊กเอกชนสหรัฐแห่ขยายเวลา WFH ให้พนักงาน)
กระแสดังกล่าวกำลังลุกลามสู่ธุรกิจประเภทอื่น ๆ ด้วย ล่าสุด วอลมาร์ท อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทนายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้สั่งให้พนักงานของบริษัทที่สำนักงานใหญ่และในระดับภูมิภาคเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายในวันที่ 4 ต.ค.นี้ เช่นเดียวกับกูเกิลที่ได้ออกคำสั่งดังกล่าวซึ่งอาจจะกำหนดเป็นมาตรฐานสำหรับบริษัทในสหรัฐ ขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง
นายดั๊ก แมคมิลลอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวอลมาร์ทระบุในบันทึกของบริษัทเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) ว่า คำสั่งให้พนักงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้นครอบคลุมพนักงานด้านการตลาด พนักงานระดับภูมิภาคและพนักงานที่ปฏิบัติงานตามศูนย์ต่าง ๆ
นอกจากนี้ วอลมาร์ทยังสั่งให้พนักงานหน้าร้านและพนักงานตามคลังสินค้า กลับมาใส่หน้ากากอนามัยอีกครั้ง รวมทั้งเพิ่มแรงจูงใจให้พนักงานตัดสินใจไปฉีดวัคซีนด้วยการแจกเงินสดเพิ่มเป็น 150 ดอลลาร์
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน บริษัทกูเกิลในเครืออัลฟาเบทเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทมีแผนกำหนดให้พนักงานที่จะกลับเข้าทำงานในสำนักงาน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อน ขณะที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ ก็ได้เลื่อนการให้พนักงานกลับเข้าสำนักงานไปเป็นเดือนต.ค. และเริ่มเรียกร้องให้พนักงานประจำแอปเปิลสโตร์กลับไปสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งด้วย
ความเคลื่อนไหวของภาคเอกชนสหรัฐเกี่ยวกับการออกกฎให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ภาครัฐนำร่องก่อนแล้วเมื่อวันจันทร์ (26 ก.ค.) โดย กระทรวงการทหารผ่านศึก (Department of Veterans Affairs หรือ VA) เป็นหน่วยงานแรกที่ประกาศให้บุคลากร “ทุกคน” ในแผนกการแพทย์ที่ถือเป็นด่านหน้าของกระทรวงต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน
บุคลากรของกระทรวงมีเวลา 8 สัปดาห์สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบโดส แถลงการณ์ของกระทรวงระบุว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีบุคลากรของกระทรวง 4 คนที่เสียชีวิตเพราะติดเชื้อโควิด-19 และทั้ง 4 คนก็เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขคาดการณ์ว่า จะเกิดกระแสการบังคับฉีดวัคซีนระลอกใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนที่ต้องการวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาฉีดให้กับบุคลากรหรือพนักงานในองค์กร กระแสที่ว่านี้จะได้รับการขับเคลื่อนมากขึ้นหากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ หรือ FDA อนุมัติการใช้วัคซีนอย่างเต็มรูปแบบ (นอกเหนือไปจากการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน) ที่จะทำให้การเข้าถึงวัคซีนในตลาดทำได้ง่ายขึ้น
นอกจากกระทรวง VA แล้ว รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งกำลังประสบภาวะการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นสูงโดยเฉพาะในหมู่ประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็ได้ประกาศในวันเดียวกัน ว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป พนักงานหรือบุคลากรด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน ซึ่งมีจำนวนหลายล้านคน ต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะต้องถูกตรวจเชื้อโควิดรายสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ในมหานครนิวยอร์ก นายบิล เดอบลาสิโอ นายกเทศมนตรี ก็ได้ประกาศมาตรการในลักษณะเดียวกันคือ ออกคำสั่งระบุให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐจำนวนประมาณ 340,000 คนรวมทั้งครูและตำรวจ ต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุก ๆสัปดาห์ (อ่านเพิ่มเติม: บังคับฉีดวัคซีน กระแสสู้โควิดที่มาแรงและกำลังเกิดขึ้นทั่วสหรัฐ)