ผลการสำรวจล่าสุด ซึ่งจัดทำโดยนิวส์โพลเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.) ระบุว่า คะแนนนิยมของนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ปรับลดลงแตะ 47% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่ โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในออสเตรเลีย เนื่องจากประชาชนไม่พอใจมาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศหลายครั้งหลายหน ขณะเดียวกันรัฐบาลยังฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนได้ล่าช้าด้วย
คะแนนนิยมของนายมอร์ริสันในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากระดับ 85% เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว (2563) ซึ่งเป็นช่วงที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดรอบแรก
ไม่เพียงเท่านั้น คะแนนนิยมในตัวพรรครัฐบาลออสเตรเลีย ยังตามหลังพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านอยู่ที่ 47-53 คะแนน ซึ่งหากการเลือกตั้งจริงเป็นไปตามคะแนนนิยมนี้แล้ว รัฐบาลจะแพ้ฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากโครงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ซึ่งผู้วิจารณ์มองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ออสเตรเลียล็อกดาวน์บ่อยครั้ง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
รัฐวิกตอเรียเข้าสู่การล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 6 เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา (5 ส.ค.) หลังสิ้นสุดการล็อกดาวน์ครั้งก่อนไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ในรัฐพยายามเร่งสกัดการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า โดยมาตรการล็อกดาวน์รอบปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 12 ส.ค.นี้
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียได้พยายามควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งนำไปสู่การล็อกดาวน์เมืองใหญ่หลายแห่ง อาทิ ซิดนีย์ บริสเบน และแอดิเลด เมื่อเร็วๆ นี้
ขณะที่รัฐวิกตอเรีย ก็เพิ่งเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ “แบบเร่งด่วน” เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และนับเป็นการล็อกดาวน์ครั้งที่ 6 ของรัฐนี้
รายงานข่าวระบุว่า แม้จะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจสร้างความพึงพอใจให้แก่ชาวออสเตรเลีย เพราะจนถึงขณะนี้ รัฐบาลแทบไม่มีความคืบหน้าในโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่ประชาชน โดยขณะนี้ มีประชาชนวัยผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป)ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว เพียง 22% เท่านั้น