กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ แถลงค่ำวานนี้ (17 ส.ค.) ว่า เด็กชายวัย 16 ปีรายหนึ่งที่มี อาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หลังได้รับการฉีด วัคซีนต้านโควิด-19 เข็มแรก ของ บริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค จะได้รับการจ่าย เงินเยียวยา จากรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 225,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (165,000 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือราว ๆ 5.5 ล้านบาท ภายใต้โครงการความช่วยเหลือทางการเงินจากอาการเจ็บป่วยหลังการฉีดวัคซีน (VIFAP)
วงเงินชดเชยดังกล่าว นับเป็นจำนวนเงินสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่รัฐบาลสิงคโปร์ตั้งโครงการ VIFAP ขึ้นมา
ขณะนี้ เด็กชายคนดังกล่าวยังคงรับการฟื้นฟูบำบัดร่างกายในโรงพยาบาล ซึ่งเขาสามารถใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น
สธ.สิงคโปร์ระบุว่า ผู้ป่วยรายนี้อาจได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ก็ยังต้องกลับมาบำบัดร่างกายอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะสามารถกลับไปโรงเรียนอีก
สื่อระบุว่า เด็กชายคนดังกล่าวได้ล้มลงหมดสติที่บ้านพักหลังจากที่ได้ไปออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนักที่โรงยิมแห่งหนึ่งในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งห่างเพียง 6 วันหลังจากที่เขาได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค
ผลการตรวจสอบพบว่า เด็กชายรายนี้มีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เขามีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในเวลาต่อมา กระทรวงฯระบุว่า เด็กชายคนนี้ออกกำลังกายอย่างหักโหมด้วยการยกน้ำหนักที่มากกว่าน้ำหนักของร่างกายเขา
แถลงการณ์ของกระทรวงฯยอมรับว่า อาการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจของเด็กชายคนนี้อาจเป็นผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีน และอาการก็ได้กำเริบขึ้นจากการที่เขาไปออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนัก และดื่มเครื่องดื่มชูกำลังที่มีสารคาเฟอีน
สธ.สิงคโปร์ออกคำแนะนำว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มแรก และเข็ม 2 ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหมภายในเวลา 1 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจติดขัด และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที ส่วนผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีนชนิด mRNA เข็มแรก ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนเข็ม 2