สื่อต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันใน นครซิดนีย์ ประเทศ ออสเตรเลีย พุ่งขึ้นทำสถิตินิวไฮในวันนี้ (25 ส.ค.) ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขส่วนหนึ่งเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อควบคุมอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
รัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครซิดนีย์ รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 919 รายในวันนี้ (25 ส.ค.) อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า แม้ว่ารัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์มาเป็นเวลายาวนานถึง 2 เดือนแล้วก็ตาม โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในวันนี้ถือเป็นสถิติสูงสุด และส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อรายวันทั่วประเทศทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับเกือบ 1,000 ราย
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู หรือห้องผู้ป่วยวิกฤต ในซิดนีย์วันนี้อยู่ที่ 113 ราย โดยในจำนวนนี้มี 98 ราย เป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แม้แต่เข็มเดียว
"สถานการณ์ในวันนี้สะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เราจำเป็นต้องเพิ่มการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน" นางเคอร์รี ชานท์ ผู้อำนวยการด้านสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าว
ทั้งนี้ ออสเตรเลียซึ่งกำลังพยายามควบคุมการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ของไวรัสโควิด-19 นั้น ได้ประกาศล็อกดาวน์หลายพื้นที่ ซึ่งรวมถึงเมืองขนาดใหญ่อย่างซิดนีย์และเมลเบิร์น ส่งผลให้กว่าครึ่งหนึ่งของประชาชนทั้งหมด 25 ล้านคนของประเทศต้องตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ในขณะที่ทางรัฐบาลกำลังเร่งผลักดันโครงการฉีดวัคซีนให้มีความคืบหน้าในอัตราเร่งมากขึ้น
รายงานระบุว่า ประมาณ 31% ของประชาชนออสเตรเลียที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว ขณะที่ 54% ได้รับวัคซีนเพียงโดสเดียว