สำนักข่าวเกียวโดรายงานวานนี้ (5 ก.ย.) ว่า ผลการสำรวจทั่วประเทศโดยเกียวโดนิวส์ ซึ่งได้จัดทำเมื่อวันที่ 26 ส.ค.-2 ก.ย.2564 ระบุว่า หน่วยงานรัฐบาลส่วนใหญ่ประสบปัญหาในการสรรหาบุคลากรทางการแพทย์ที่จะมาทำหน้าที่ประจำ โรงพยาบาลภาคสนาม ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การรักษา ผู้ติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นในญี่ปุ่น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่กระจายของ ไวรัสสายพันธุ์เดลตา ที่ติดต่อได้ง่าย ส่งผลให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นไม่สามารถรองรับและให้การรักษาแก่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้
เมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ต้องเผชิญกับสถานการณ์ระบบสาธารณสุขที่ย่ำแย่ และต้องจัดสรรเตียงให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการหนักเท่านั้น
ทั้งนี้ โตเกียวและเมืองขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก โดยผู้ติดเชื้อหลายรายที่อาการหนักในเมืองเหล่านี้ถูกปฏิเสธจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 130,000 รายที่ต้องพักรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน
สถิติ ณ วันที่ 5 ก.ย. 2564 ชี้ว่า ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมที่ 1.56 ล้านราย มียอดผู้เสียชีวิตจากโควิดที่ 16,339 ราย
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ได้ขอให้หน่วยงานรัฐสร้างศูนย์รักษาพยาบาลชั่วคราวเพื่อดูแลผู้ป่วยซึ่งไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้
หน่วยงานรัฐบาลใน 47 จังหวัด และ 20 เมืองใหญ่ที่ได้มีการสำรวจนั้น เมืองขนาดใหญ่ 21 เมืองระบุว่า กำลังพิจารณาจัดตั้งโรงพยาบาลภาคสนาม ซึ่งจะประกอบด้วยสถานีออกซิเจนด้วย เพื่อสามารถให้การรักษาแก่ผู้ป่วยโควิดที่ถูกขอให้พักฟื้นตัวเองที่บ้าน แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะสามารถเข้ารับบริการได้