WHO เตือน โลกเข้าถึงวัคซีน “ไม่เท่าเทียม” ทำโควิดควบคุมยาก-ยืดเยื้อยาว

08 ก.ย. 2564 | 04:40 น.

53% ของประชากรสหรัฐได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว และชาวอเมริกันกว่า 1.3 ล้านคนก็ได้รับวัคซีนเข็มที่สามแล้ว ขณะที่อียูมีผู้ฉีดครบโดส 57% ต่างกับที่แอฟริกา ผู้ได้รับวัคซีนครบโดสมีนิดน้อยเพียง 3% และ 26 ประเทศในภูมิภาค ยังประสบปัญหาการกระจายวัคซีนสู่ประชาชน

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยวานนี้ (7 ก.ย.) ว่า ยังคงมีประเทศร่ำรวยที่ กักตุนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยารักษา รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค เอาไว้มากเกินไปซึ่งเป็นเรื่องที่สมควรติเตียน เนื่องจากการไม่กระจายวัคซีนออกไปให้ประเทศอื่น ๆ อย่างเท่าเทียมและเสมอภาคนั้น เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้โควิด-19 แพร่ระบาดออกไปทั่วโลก

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของ WHO ได้ออกมาประณามและแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ผ่านการแถลงข่าวในช่วงถาม-ตอบทางออนไลน์ทุกวันอังคาร โดยครั้งนี้ WHO ระบุถึง ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันของการกระจายวัคซีนต้านโควิด นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันครั้งแรกในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา (2563) พร้อมกันนี้ WHO ยังได้เรียกร้องต่อประเทศร่ำรวยที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรของตัวเองได้เกินครึ่งแล้วซ้ำบางประเทศยังเริ่มโครงการฉีดวัคซีนเข็มที่สามแล้วนั้น ให้แบ่งปันและกระจายวัคซีนมาให้ประเทศรายได้ต่ำ-ประเทศกำลังพัฒนาที่ยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน

แพทย์หญิงมาเรีย แวน เคอร์คอฟ

“เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรม ไม่ถูกต้องทางจริยธรรม ซ้ำยังจะทำให้โควิดอยู่ยืดเยื้อกับเราไปอีกนานขึ้น” แพทย์หญิงมาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคโรคระบาดโควิด-19 ของ WHO กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว “และผลของมันก็คือตอนนี้มีคนจำนวนมากกำลังจะตายเพราะโรคนี้”

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา WHO เคยออกมาเรียกร้องให้ประเทศอุตสาหกรรมพัฒนาแล้ว ระงับการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม ซึ่งเป็นวัคซีนฉีดกระตุ้นภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว หรืออย่างน้อย WHO ก็ขอให้เลื่อนโครงการดังกล่าวออกไปก่อนอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อแบ่งปันวัคซีนส่วนเกินเหล่านี้ไปให้ประเทศยากจนหรือประเทศกำลังพัฒนา โดย WHO มีเป้าหมายว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศเหล่านี้อย่างน้อย 10% ภายในสิ้นเดือนก.ย.2564

 

นอกจากนี้ WHO ยังตั้งเป้าหมายว่า จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชากรโลก 40% ก่อนสิ้นเดือน ธ.ค. 2564

 

จากสถิติของ WHO ชี้ว่า ขณะนี้ สหรัฐอเมริกาสามารถฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนครบโดสแล้ว 53% และมีประชากรมากกว่า 62% ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ทั้งยังมีประชากรที่ได้ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ วัคซีนเข็มที่สามไปแล้วมากกว่า 1.3 ล้านคน โดยโครงการฉีดวัคซีนเข็มสามให้ประชาชนของสหรัฐ มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ขณะที่สหภาพยุโรป หรือ อียู ประชากรได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 57% โดยบางประเทศในยุโรป เช่นฝรั่งเศส และอังกฤษ ได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่สามแล้วเช่นกัน

การฉีดวัคซีนในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก (ขอบคุณภาพจาก อว.)

ส่วน ทวีปแอฟริกา นั้น มีประชากรที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดครบโดสแล้วเพียง 3% เท่านั้น และ 26 ประเทศในภูมิภาคดังกล่าวก็ยังกระจายวัคซีนที่มีอยู่ให้เข้าถึงประชาชนได้ไม่ถึงครึ่ง รายงานของ WHO ระบุว่า ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ คาดว่า เกือบ ๆ 80% ของประเทศในทวีปแอฟริกา จะไม่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ถึงเป้าหมาย 10% ที่วางไว้    

 

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวระบุว่า แม้สหรัฐจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้ประชาชนซึ่งค้านต่อคำร้องขอของ WHO ก็ไม่ได้หมายความว่าในขณะเดียวกันสหรัฐช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ไม่ได้ เพราะจนถึงขณะนี้ สหรัฐได้บริจาควัคซีนต้านโควิดให้นานาประเทศไปแล้วมากกว่า 110 ล้านโดส จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะบริจาคทั้งสิ้น 500 ล้านโดส โดยจะมีประเทศที่ได้รับบริจาควัคซีนจากสหรัฐจำนวนเกือบ ๆ 100 ประเทศ

 

แต่ถึงกระนั้น WHO ก็ยังระบุว่า ไม่เพียงพอ ที่สำคัญคือยังมีการกักตุนวัคซีนอยู่ในประเทศที่ร่ำรวย และจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาต้องแบ่งปันวัคซีนเหล่านั้นออกไป

ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนโควิดมากที่สุด