กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีเด็กจำนวน 2,396 รายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากโรคโควิด-19 ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 ก.ย.) ขณะที่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุ มีเด็กมากกว่า 55,000 รายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 พร้อมเสริมว่า เด็กหลายคนเหล่านี้ไม่มีอาการล่วงหน้ามาก่อน
แม้ว่าการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในกลุ่มเด็กจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ยอดผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น CDC ระบุว่า เมื่อนับจนถึงวันพุธที่ 8 ส.ค. สหรัฐมีเด็กอย่างน้อย 520 รายที่เสียชีวิตจากโควิด-19
แนวโน้มดังกล่าวทำให้สหรัฐและอีกหลายประเทศ เริ่มขยายขอบเขตการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เดิมมุ่งฉีดให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ ให้ครอบคลุมลงมาสู่ประชากรวัยเด็กมากขึ้น ขณะที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนเองก็ให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ
ตัวอย่างล่าสุด ได้แก่กรณีของ บริษัทบิออนเทค จากเยอรมนี ที่มีข่าวออกมาเมื่อวันศุกร์ (10 ก.ย.) ว่า บริษัทกำลังเตรียมขออนุมัติการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 ในเด็กอายุ 5-11 ปีทั่วโลก
ผู้บริหารระดับสูงของบิออนเทคให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแดร์ ชปีเกิล (Der Spiegel) ของเยอรมนีว่า บิออนเทคเตรียมขออนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเด็กที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไปในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจนถึงขณะนี้การเตรียมการดังกล่าวเป็นไปด้วยดี
"ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เราจะยื่นผลลัพธ์จากการทดลองในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปีต่อหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก และจะขออนุมัติการใช้งานวัคซีนในกลุ่มอายุนี้ รวมถึงในยุโรปด้วย" อุซเล็ม ตุเรชี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของบิออนเทคกล่าว ขณะที่นายอูเกอร์ ชาฮิน ซีอีโอของบิออนเทค เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองเพื่อยื่นเรื่องตามระเบียบ และทุกอย่างกำลังไปได้ดีตามแผน
ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการปรับขั้นตอนการผลิตขั้นสุดท้าย ซึ่งจะมีการบรรจุวัคซีนลงในขวดด้วยปริมาณโดสที่ต่ำกว่าปกติสำหรับการใช้งานในเด็ก โดยปัจจุบันวัคซีนของบิออนเทคที่พัฒนาร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้งานในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี