สื่อต่างประเทศรายงานว่า การตัดสินใจของอียูครั้งนี้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่พิจารณาจากค่าเฉลี่ยของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในแต่ละประเทศ ต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งปรากฏว่า ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในประเทศทั้ง 6 ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากระดับต่ำกว่า 40 คนต่อประชากร 1 ล้านคนในเดือนมิ.ย. สู่ระดับมากกว่า 100 คนในช่วงต้นเดือนก.ย.
สำหรับรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง ที่ EU ประกาศล่าสุดนั้น ได้แก่ ออสเตรเลีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา แคนาดา จอร์แดน นิวซีแลนด์ กาตาร์ มอลโดวา ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ยูเครน อุรุกวัย จีน ฮ่องกง และมาเก๊า
รายข่าวระบุว่า สำหรับญี่ปุ่น นอกจากถูกปลดออกจากบัญชีประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทางของ EU แล้ว ยังมีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดอีก 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์อีตา (Eta) และ แคปปา (Kappa) โดย กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ Eta จำนวน 18 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศญี่ปุ่น และในเวลาต่อมา ยังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ Kappa จำนวน 19 ราย เมื่อวันที่ 3 ก.ย.
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้จับตาไวรัสทั้งสองสายพันธุ์ดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นสายพันธุ์ไวรัสที่ต้องให้ความสนใจ (variants of interest หรือ VOI) ซึ่งนอกจากเอตา และแคปปา แล้ว ยังมีอีก 4 สายพันธุ์ที่อยู่ในหมวดเดียวกันนี้ (VOI) คือ