ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียประจำปีนี้ (2564) โดย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่โควิดยังคงระบาดอย่างหนักในหลายประเทศนั้น ถูกปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวลงเหลือ 3.1% ขณะที่ของไทยเหลือ 0.8% ทั้งนี้ รายงานฉบับล่าสุดนี้ยังเตือนว่า อัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ยอดติดเชื้อใหม่พุ่ง และผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์อาจสร้าง “แผลเป็นเรื้อรัง” ให้กับเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
ปัญหาการขาดแคลนวัคซีน ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามในการฉีดวัคซีนของประเทศจำนวนมากภายในเอเชีย ทำท่าว่าอาจยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนมากขึ้นว่า ประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโควิด-19 ของวัคซีนที่ใช้อยู่กำลังลดลง จนจำเป็นต้องมีการฉีดเข็มกระตุ้น หรือวัคซีนเข็มที่สาม รายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียฉบับปรับปรุงล่าสุดของเอดีบีซึ่งเผยแพร่ออกมาในวันพุธ (22 ก.ย.) ระบุ
ในรายงานฉบับนี้ เอดีบีปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียโดยรวมว่าจะอยู่ที่ 7.1% ในปีนี้ ขยับลงจาก 7.3% ที่คาดไว้ในรายงานเมื่อเดือนเมษายน ส่วนปีหน้าจะอยู่ที่ 5.4% เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.3%
ตรงข้ามกับ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมถึงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่โควิดระบาดอย่างหนัก ซึ่งเอดีบีคาดหมายว่า จะมีอัตราขยายตัวเพียง 3.1% ในปีนี้ เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เมื่อเมษายนซึ่งอยู่ที่ 4.4%
สำหรับ ประเทศไทย รายงานล่าสุดของเอดีบี ลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ลงมาที่ 0.8% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ 3% ส่วนปีหน้า (2565) ก็ปรับลดลงจาก 4.5% ที่เป็นตัวเลขคาดการณ์เดิม ให้ลงมาที่ 3.9% ซึ่งเหตุผลสำคัญ ก็คือโควิด-19 ที่แพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยเวลานี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการส่งออกและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย จะมีส่วนช่วยลดแรงกระทบเชิงลบจากโควิด-19 ได้บ้าง “การระบาดระลอกใหม่ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความล่าช้าของแผนวัคซีนของประเทศยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย” รายงานของเอดีบี ระบุ
นายโจเซฟ ซเวกลิตช์ รักษาการหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอดีบี ชี้ว่า การสนับสนุนธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงมีความสำคัญในการผลักดันการฟื้นตัว รายงานล่าสุดของเอดีบีระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนของประเทศต่างๆ ในเอเชียมีความเหลื่อมล้ำกันอย่างมาก แต่โดยรวมแล้วมีประชากรไม่ถึง 1 ใน 3 ที่ได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เปรียบเทียบกับอัตรากว่า 50% ในอเมริกา และเกือบ 60% ในสหภาพยุโรป (อียู)
“ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนประกอบกับการเกิดไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ๆ คือปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดและอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจเอเชีย” เอดีบีเตือน และว่า การสูญเสียรายได้เนื่องจากโควิด-19 อาจกลายเป็น “แผลเป็นเรื้อรัง” และส่งผลต่อเศรษฐกิจในหลายมิติของเอเชีย นอกจากนี้ ยังเตือนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจนในประเทศกำลังพัฒนาของเอเชีย กำลังถอยหลังไปอย่างน้อย 2 ปี และการปิดโรงเรียนนานๆ อาจนำไปสู่การสูญเสียด้านการเรียนรู้และรายได้มากกว่าที่คิด
เกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รายงานระบุว่า แม้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ได้รับการคาดหมายว่าจะยังคงขยายตัวต่อไปทั้งในปีนี้และปีหน้า แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกปีนี้ก็ประสบกับความผิดเพี้ยนอันเนื่องมาจากการระบาดออย่างรุนแรงของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศ โดยประเทศที่มีความคืบหน้าในการควบคุมโรคระบาดเป็นส่วนใหญ่ จะมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เอเชียตะวันออกที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในภูมิภาค และรัฐบาลสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างรวดเร็วนั้น รายงานเอดีบีฉบับนี้คาดหมายว่า จะมีการเติบโต 7.6% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2%จากตัวเลขคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนเมษายน โดยเฉพาะจีน ที่ใช้นโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” ต่อโควิดนั้น รายงานของเอดีบีคาดหมายว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 8.1% ในปี2564 และ 5.5% ในปี 2565
สำหรับกรณีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องและความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ของ บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งหลายคนหวั่นเกรงว่าจะกลายเป็นปัญหาที่ลุกลามสร้างผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก นายอับดุล อาบิแอด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของเอดีบี ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปที่มีปัญหาในการหาเงินมาชำระหนี้มูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์นั้น จำเป็นต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่า ธนาคารจีนมีทุนสำรองมหาศาล อีกทั้งมีแนวโน้มว่า รัฐบาลกลางจะยื่นมือเข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันผลกระทบหากเอเวอร์แกรนด์ผิดนัดชำระหนี้
ที่มา : เอดีบี/รอยเตอร์ Delta variant clouds developing Asia's growth outlook - ADB