นายฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้รับคะแนนโหวต 257 คะแนน เฉือนเอาชนะนายทาโร โคโนะ ผู้ท้าชิงซึ่งได้ 170 คะแนน ทำให้เขากลายเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลผสมภายใต้การนำของพรรค LDP ครองเสียงข้างมากทั้งสองสภาในญี่ปุ่น จึงทำให้นายคิชิดะจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันทีที่สภาไดเอทเริ่มการประชุมสมัยวิสามัญในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (4 ต.ค.)
นายคิชิดะ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ วัย 64 ปี เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP และนายกรัฐมนตรีในเดือนก.ย. 2563 หลังจากที่นายชินโซ อาเบะ ลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ แต่ในครั้งนั้น นายคิชิดะไม่สามารถเอาชนะนายโยชิฮิเดะ ซูงะ ซึ่งเป็นหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาลของนายอาเบะในเวลานั้น
นักวิเคราะห์มองการพลาดพลั้งของนายคิชิดะในครั้งนั้น เป็นเพราะเขาถูกวิจารณ์ว่าตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ได้ไม่ดี พอแม้ว่านั่งอยู่ในตำแหน่งประธานสภาวิจัยนโยบายของพรรค LDP นอกจากนี้ นายคิชิดะยังขาดเสน่ห์ทางการเมืองและไม่ค่อยทำตัวเป็นข่าวมากนัก
อย่างไรก็ดี นายคิชิดะเริ่มพัฒนาการมีปฏิสัมพันธ์ด้วยการพบปะพูดคุยกับประชาชนมากขึ้นทั้งในเวทีสาธารณะ และทางโซเชียลมีเดีย เพื่อพยายามลบภาพที่เคยถูกสื่อมวลชนมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่น่าสนใจในฐานะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา นายคิชิดะได้ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP อีกครั้ง ซึ่งการลงชิงตำแหน่งในครั้งนี้ นายเขาชูนโยบายการลดความไม่เท่าเทียมกันในด้านความร่ำรวย ด้วยการเพิ่มรายได้ให้กับชนชั้นกลาง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนกลุ่มประชาชนที่มีความเปราะบางต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ เช่น พนักงานชั่วคราว และครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
นายคิชิดะกล่าวว่า หากเขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค LDP เขาจะจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของพรรคไม่เกิน 3 ปี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดานักการเมืองรุ่นเก่า รวมถึงนายโทชิฮิโระ นิไก ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค LDP มาเป็นเวลายาวนาน
ในสมัยของรัฐบาลนายอาเบะนั้น นายคิชิดะเป็นประธานสภาวิจัยด้านนโยบายเป็นเวลานานถึง 3 ปี หลังจากที่เคยทำหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศเป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน
เมื่อครั้งที่นายคิชิดะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เขามีส่วนช่วยให้นายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางเยือนเมืองฮิโรชิมาเมื่อปี 2559 ซึ่งนับเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เดินทางไปยังเมืองดังกล่าวที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ นายคิชิดะยังมีส่วนช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถบรรลุข้อตกลงกับเกาหลีใต้ในปี 2558 เพื่อคลี่คลายประเด็นหญิงที่ถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอในช่วงสงครามโลก
สำหรับชีวิตส่วนตัวนั้น นายคิชิดะพักอาศัยอยู่กับภรรยาและบุตรชาย 2 คนในกรุงโตเกียว โดยเขาช่วยครอบครัวทำงานบ้านด้วยการล้างจานและทำความสะอาดห้องน้ำในบ้านด้วยตนเอง นอกจากนี้ นายคิชิดะยังได้ชื่อว่าเป็นนักดื่ม และเป็นแฟนตัวยงของทีมบาสเก็ตบอล Hiroshima Carp