นายเจย์ โกรเบลอร์ หัวหน้าฝ่ายวัคซีนและโรคติดเชื้อของ เมอร์ค กล่าวว่า เนื่องจาก ยาโมลนูพิราเวียร์ ไม่ได้เล็งเป้าหมายไปที่หนามโปรตีนของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนโควิด-19 ทั่วๆไป จึงทำให้ยาโมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการ ยับยั้งไวรัสโควิด-19 แม้ว่าจะมีการกลายพันธุ์ก็ตาม
ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์จะเล็งเป้าหมายไปที่ viral polymerase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีความจำเป็นต่อไวรัสโควิด-19 ในการทำสำเนาตัวเองเพื่อแพร่กระจายออกไป โดยยาโมลนูพิราเวียร์จะทำให้รหัสพันธุกรรมของไวรัสเกิดความผิดพลาดจนไม่สามารถขยายจำนวนมากขึ้น
ผลการศึกษาพบว่ายาโมลนูพิราเวียร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากผู้ป่วยได้รับยาในช่วงแรกของการติดเชื้อ
ขณะนี้เมอร์คกำลังทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ร่วมกับบริษัท ริดจ์แบ็ค ไบโอเธอราพิวติกส์ (Ridgeback Biotherapeutics) ซึ่งเป็นการทดลองในระยะที่ 3 โดยแบ่งเป็นการทดลองสำหรับยารักษาโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นเดือนพ.ย. และยาป้องกันโรคโควิด-19
ข่าวดีดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของเมอร์คพุ่งแรงเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) โดยราคาหุ้นของเมอร์คได้พุ่งขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ณ เวลา 01.25 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นเมอร์คพุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.33% สู่ระดับ 75.03 ดอลลาร์