ถ้อยแถลงของ นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ มีขึ้นก่อนที่วุฒิสภาจะทำการลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เมื่อวันพฤหัสฯ (30 ก.ย.) ซึ่งมีช่วงเวลาเที่ยงคืนเป็นกำหนดเส้นตาย ในการหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานภาครัฐต้องถูกปิดการดำเนินงาน (government shutdown)
"เราสามารถอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ถึงโต๊ะท่านประธานาธิบดีก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในช่วงเที่ยงคืน" นายชูเมอร์กล่าว ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกทั้ง 100 คน
ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้ยังรวมถึงการให้เงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน และการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถานด้วย
อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึง การเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังจำเป็นจะต้องมีการหารือกันต่อหลังจากนี้
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวเตือนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า สภาคองเกรสมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ในการพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้ และหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเกิดกับเศรษฐกิจของประเทศ
"สิ่งที่เราประมาณการในขณะนี้ก็คือว่า เม็ดเงินในมาตรการพิเศษของกระทรวงการคลังจะหมดลงหากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ภายในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เราคาดว่ากระทรวงการคลังจะมีทรัพยากรที่จำกัดมากและจะหมดลงอย่างรวดเร็ว" นางเยลเลนยังเตือนด้วยว่า หากสภาคองเกรสล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะส่งผลให้สหรัฐต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ก่อนหน้านี้ (29 ก.ย.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนน 219 ต่อ 212 ผ่าน ร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้ ของรัฐบาลสหรัฐแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวกลับถูกขัดขวางจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา โดยที่ผ่านมานั้น พรรครีพับลิกันได้ขัดขวางความพยายามของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ต้องการจะเพิ่มเพดานหนี้ ขณะเดียวกันก็พยายามเปิดโปงเจตนารมณ์ของพรรคเดโมแครตที่ต้องการเพิ่มงบประมาณการลงทุนในโครงการด้านสังคมและนโยบายลดโลกร้อน