บริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ แถลงวานนี้ (30 ก.ย.)ว่า บริษัทจะเข้า ซื้อกิจการบริษัท แอคซีเลอรอน ฟาร์มา อิงค์. (Acceleron Pharma Inc) ด้วยวงเงิน 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีกรรมสิทธิ์ในยาที่ใช้รักษาโรคที่หายาก เนื่องจาก Acceleron มีความเชี่ยวชาญในการผลิตยารักษาหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งอาการผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลหิต
นอกจากนี้ Acceleron กำลังอยู่ในระหว่างการทดลองระยะสุดท้ายสำหรับยา Sotatercept ซึ่งเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจที่เกิดขึ้นได้ยาก โดยทำให้เกิดภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง (PAH)
ทั้งนี้ การรักษาโรคที่หายากถือเป็นตลาดที่ทำเงินมหาศาลสำหรับบริษัทผลิตยา เนื่องจากผู้ผลิตสามารถตั้งราคาในระดับสูงสำหรับยาที่ใช้รักษาโรคเฉพาะทางดังกล่าว มีตัวเลขคาดการณ์ว่า เฉพาะตลาด PAH จะมีการขยายตัว 5% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2562-2572
แถลงการณ์ของเมอร์คเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) มีขึ้น หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ซึ่งเป็น ยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 โดยเมอร์คระบุว่า ผลการทดลองพบว่า โมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 หลายสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา
นายเจย์ โกรเบลอร์ หัวหน้าฝ่ายวัคซีนและโรคติดเชื้อของเมอร์ค กล่าวว่า เนื่องจากยาโมลนูพิราเวียร์ไม่ได้เล็งเป้าหมายไปที่โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนโควิด-19 ทั่วๆไป จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการยับยั้งไวรัสโควิด-19 แม้ว่าจะมีการกลายพันธุ์ก็ตาม
ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์จะเล็งเป้าหมายไปที่ viral polymerase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีความจำเป็นต่อไวรัสโควิด-19 ในการคัดลอกตัวเองเพื่อแพร่กระจายออกไป โดยยาโมลนูพิราเวียร์จะทำให้รหัสพันธุกรรมของไวรัสเกิดความผิดพลาดจนไม่สามารถขยายจำนวนมากขึ้น
ผลการศึกษาพบว่ายาโมลนูพิราเวียร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากผู้ป่วยได้รับยาในช่วงแรกของการติดเชื้อ
ขณะนี้เมอร์คกำลังทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ร่วมกับบริษัท Ridgeback Biotherapeutics ซึ่งเป็นการทดลองในระยะที่ 3 โดยแบ่งเป็นการทดลองยารักษาและป้องกันอาการของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้