สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ กำลังดำเนินนโยบาย “อยู่กับโควิดให้ได้ด้วยวิถีชีวิตแบบใหม่” หรือ a new normal of living with Covid ซึ่งประกอบด้วยหลากหลายมาตรการที่จะนำมาใช้ เช่นการเพิ่มมาตรการเชิงป้องกันและควบคุมสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และผ่อนคลายการควบคุมสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วควบคู่ไปกับการเปิดประเทศ
โดยล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศใช้ ระบบ VTL (vaccinated travel lanes) ซึ่งเปรียบได้กับช่องทางด่วนสำหรับนักเดินทางต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดครบโดสแล้ว และมาจากประเทศที่ทำข้อตกลงกับสิงคโปร์ เมื่อเดินทางมาถึงแล้วไม่ต้องกักตัว
ข่าวระบุว่า กระทรวงคมนาคมสิงคโปร์ประกาศเพิ่มรายชื่อประเทศที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้อีก 8 ประเทศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (9 ต.ค.) โดย 8 ประเทศดังกล่าว ได้แก่ แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ได้ประกาศความคาดหมายว่า สิงคโปร์น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 3-6 เดือนในการปรับตัวเข้าสู่วิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่จะต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิต นับเป็นการปรับเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ จากเดิมที่มุ่งขจัดหรือควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้หมดไป อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ให้สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยนั้น รัฐบาลสิงคโปร์จะเพิ่มมาตรการเชิงควบคุมและป้องกันสำหรับประชาชนที่ยังไม่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วย
นายเอส. อิสวารัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์เปิดเผยว่า 8 ประเทศที่ผู้เดินทางจะได้รับความสะดวกสามารถเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัวอีก (เนื่องจากได้รับวัคซีนมาครบโดสแล้วนั้น) ทุกประเทศได้ให้สิทธิพิเศษแก่ชาวสิงคโปร์ที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศเหล่านั้นโดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักเดินทางจากต่างประเทศที่เดินทางเข้าสิงคโปร์ภายใต้กลไก VTL แม้ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิดที่แสดงผลว่าไม่มีการติดเชื้อ(ผลตรวจเป็นลบ) ก่อนเข้าประเทศสิงคโปร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.นี้เป็นต้นไป
ก่อนหน้า 8 ประเทศล่าสุดที่มีการเผยแพร่รายชื่อเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 ต.ค.) สิงคโปร์ได้เริ่มทดลองใช้กลไกช่องทางด่วน VTL กับบางประเทศมาแล้ว เริ่มจากเยอรมนีและบรูไนในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ตามมาด้วยเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ก่อนจะเพิ่มอีก 8 ประเทศในวันที่ 9 ต.ค.
นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง แถลงต่อประชาชนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 ต.ค.) ว่า สิงคโปร์จะเข้าสู่สถานะที่เรียกว่า เข้าสู่การใช้ชีวิตแบบปกติในรูปแบบใหม่ (new normal) ก็ต่อเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆที่เข้มงวดลง คงเหลือไว้เฉพาะมาตรการเพื่อความปลอดภัยที่ไม่ได้เข้มงวดจนเกินไป ขณะเดียวกันยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ต้องลดลงมาอยู่ในระดับคงที่ ซึ่งอาจจะเป็นหลักร้อยรายต่อวัน แต่ต้องไม่ขยับสูงขึ้นอีก “นั่นหมายถึงเมื่อโรงพยาบาลของพวกเราสามารถกลับเข้าสู่การทำงานแบบปกติ เมื่อเราสามารถกลับไปทำสิ่งที่เคยทำ(ก่อนช่วงที่จะมีโควิด) และเมื่อประชาชนสามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมกันโดยไม่ต้องวิตกกังวลหรือรู้สึกไม่สะดวกใจ
ผู้นำสิงคโปร์ยังกล่าวด้วยว่า ประชาชนไม่ควรใช้ชีวิตแบบ “หวาดกลัว” จนไม่กล้าทำอะไร เพราะไม่ว่าเร็วหรือช้า ก็เป็นไปได้ว่าทุกคนต้องเผชิญกับไวรัสร้ายนี้ และทุกคนในที่นี้ก็รวมถึงบรรดาผู้สูงวัยด้วย เขายังระบุว่า ประเทศในยุโรปเริ่มปรับตัวเข้าสู่วิถีการใช้ชีวิตแบบปกติรูปแบบใหม่กันแล้วหลายประเทศ แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องสูญเสียไปมาก สำหรับการปรับตัวของสิงคโปร์ เขาคิดว่าต้องใช้เวลาอีก 3-6 เดือน
ด้านนาย กัน คิม หยง รัฐมนตรีการค้าของสิงคโปร์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นประธานร่วมในคณะทำงานเฉพาะกิจในการกำกับดูแลสถานการณ์โควิด-19 เปิดเผยว่า สำหรับผู้ที่ยังไม่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะต้องพบกับมาตรการเชิงควบคุมมากกว่าผู้ที่รับวัคซีนแล้ว เช่น พวกเขา(ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน) จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าในบริเวณศูนย์การค้า หรือเข้านั่งรับประทานอาหารในคอฟฟี่ช็อปและศูนย์อาหาร ขณะที่ผู้ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเข้าศูนย์การค้าได้ แต่ต้องจำกัดจำนวนให้เข้าพร้อมกันได้เพียง 2 คน
ข้อจำกัดเหล่านี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธนี้ (13 ต.ค.) เป็นต้นไป
ปัจจุบัน สิงคโปร์ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ประชาชนครบโดสแล้วครอบคลุม 83% ของประชากรทั้งประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ต.ค. 2564) แต่หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพบว่า ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันได้เริ่มทะยานสูงขึ้น ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่วันละกว่า 3,400 รายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
สถิติ ณ วันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา สิงคโปร์มียอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสมที่ 120,454 ราย ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด 142 ราย ทั้งนี้ 98.4% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 28 วันที่ผ่านมา เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการน้อย