สำนักงานป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ เปิดเผยวันนี้ (12 ต.ค.) ว่า พบผู้เสียชีวิต 9 ราย และสูญหาย 11 รายจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มหลัง พายุโซนร้อน “คมปาซุ” (Kompasu) พัดกระหน่ำเข้าสู่ฟิลิปปินส์ จนส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก
รายงานระบุว่า พายุโซนร้อนคมปาซุ ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดอยู่ที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้พัดถล่มฟิลิปปินส์เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ส่งผลให้ต้องอพยพประชาชนเกือบ 1,600 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังดำเนินการค้นหาผู้สูญหาย 11 รายหลังจากเกิดเหตุดินถล่ม
นายแฮร์รี โร้ก โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต กำลังเฝ้าติดตามการรับมือภัยพิบัติของรัฐบาล นอกจากนี้ เขาระบุเสริมว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าไปยังสถานที่ประสบภัย และกำลังฟื้นฟูระบบไฟฟ้า น้ำประปา และขจัดสิ่งกีดขวางบนถนน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ระบุว่า คมปาซุเป็นพายุโซนร้อนลูกที่ 13 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ในวันนี้
ขณะเดียวกันที่ ฮ่องกง ซึ่งอยู่ในแนวที่พายุดังกล่าวจะพัดผ่าน มีแนวโน้มที่จะยกระดับสัญญาณเตือนภัยพายุในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากพายุโซนร้อน "คมปาซุ" เคลื่อนตัวเข้าใกล้ ซึ่งส่งผลให้ทางการฮ่องกงสั่งปิดโรงเรียนทั้งหมด
หอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory) แถลงผ่านเว็บไซต์ว่า ทางหอสังเกตการณ์ฯ กำลังพิจารณายกระดับสัญญาณเตือนจากระดับ 3 เป็นระดับ 8 ซึ่งสูงเป็นอันดับสามในระดับสัญญาณเตือน ระหว่างเวลา 16.00 น. ถึง 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงวันนี้ เนื่องจากตลาดปิดทำการในเวลา 16.00 น. แต่การซื้อขายในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) จะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนตัวของพายุคมปาซุด้วย
หอสังเกตการณ์ฮ่องกงคาดว่า พายุคมปาซุจะเคลื่อนตัวด้วยความเร็วประมาณ 560 กิโลเมตร (348 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฮ่องกง และคาดว่าจะเคลื่อนไปทางตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงผ่านทางตอนเหนือของทะเลจีนใต้ นอกจากนี้ คาดว่า พายุดังกล่าวจะทำให้มีฝนตกในฮ่องกงคืนนี้ขณะที่พายุเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน