นายฟูมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ ประกาศ ยุบสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงบ่ายวานนี้ (14 ต.ค.) เพื่อเตรียมการสำหรับ การเลือกตั้งทั่วไป ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม การยุบสภามีขึ้นหลังจากที่นายคิชิดะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อจากนายโยชิฮิเดะ ซูงะ ที่ลาออกไปหลังอยู่ในตำแหน่งเพียงปีเดียว
โดยบรรยากาศการยุบสภาในระหว่างการประชุมแบบเต็มคณะเมื่อวันที่ 14 ต.ค.นั้น เมื่อสิ้นสุดคำประกาศ บรรดาสส.ญี่ปุ่นทั้งหมด 465 คน ต่างลุกขึ้นกล่าวคำว่า “บันไซ” (banzai) ซึ่งเป็นเหมือนกับการกล่าว “ไชโย” พร้อมกันสามครั้งและเดินออกจากที่ประชุม โดยที่พวกเขาจะเริ่มต้นหาเสียงอย่างเป็นทางการได้ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.นี้เป็นต้นไป คาดว่าประเด็นหลักของการหาเสียง จะอยู่ที่การรับมือการระบาดของโควิด-19 และการฟื้นเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 (พ.ศ.2560) ภายใต้คณะรัฐบาลของนายชินโสะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นสิ้นเดือนนี้ (31 ต.ค.) จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเป็นการเลือกตั้งหลังจากวาระ 4 ปีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ต.ค.
ทั้งนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งนำโดยนายคิชิดะ หวังที่จะใช้ประโยชน์จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา เป็นใบเบิกทางสร้างความนิยม ขณะที่ผู้นำพรรคฝ่ายค้านยังคงพยายามแสวงหาแนวร่วม
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหลังยุคสงครามที่การเลือกตั้งทั่วไปจะถูกจัดขึ้นหลังจากที่วาระของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง และนับเป็นระยะเวลาสั้นที่สุดระหว่างวันยุบสภาจนถึงวันเลือกตั้ง แต่นายคิชิดะก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า เขาจำเป็นต้องเผชิญกับการตัดสินใจของประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกมุ่งมั่นอย่างมากว่าจะประสบชัยชนะ
แบงก์ชาติยืนยันไม่มีแผนถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายอาซาชิ โนกูชิ หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า อุปสงค์ภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น แต่ BOJ ไม่มีแผนจะลดการใช้มาตรการกระตุ้นด้านการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อในเวลานี้
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะปรากฎให้เห็นชัดขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้หรือหลังจากนั้น เนื่องจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน และผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่คาดว่าจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นายโนกูชิกล่าวในระหว่างการประชุมทางไกลร่วมกับบรรดาผู้นำธุรกิจ ในบางประเทศ เช่นสหรัฐกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในช่วงที่มีการเปิดเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ พร้อมกับจับตาดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
แต่สำหรับกรณีของญี่ปุ่นนั้น นายโนกูชิยืนยันว่า “การปรับลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเหมือนกับที่ธนาคารกลางบางแห่งทำ ไม่ใช่แนวทางที่เราจะเลือกทำในเวลานี้"