นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ภายใต้ รัฐบาลชุดใหม่ ของ นายฟูมิโอะ คิชิดะ นั้น ดัชนีนิกเกอิ มีแนวโน้มเคลื่อนตัวในกรอบ 28,000 - 32,000 จุดไปจนถึงสิ้นปี 2564 หลังจากที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 ปีที่ 30,000 จุดเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ดัชนีนิกเกอิอาจทะยานขึ้นแตะระดับ 34,000 จุดภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มแข็งแกร่ง
นายชินโกะ อิเดะ นักวิเคราะห์จากสถาบัน NLI Research Institute ให้ความเห็นว่า คาดหมาย ตลาดหุ้นญี่ปุ่น จะยังคงแข็งแกร่งภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่น
ขณะที่นายโนริฮิโระ ฟูจิโตะ นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities ระบุว่า นายคิชิดะมีมุมมองที่เป็นเหตุเป็นผล และการที่เขาได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสหพันธ์ธุรกิจแห่งญี่ปุ่น (Keidanren) นั้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้มาก
นอกจากนี้ อีกเหตุผลสำคัญที่มองสถานการณ์ในเชิงบวก คือนายคิชิดะได้กล่าวถึงแผนการจัดตั้งหน่วยงานชุดใหม่เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 โดยตรง แผนการดังกล่าวอาจทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้นว่า รัฐบาลชุดใหม่จะมีการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากรัฐบาลของนายโยชิฮิเดะ ซูงะ จัดการกับสถานการณ์โควิดและผลกระทบได้ไม่ดีนัก
ทางด้าน นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ (30 ก.ย.) เช่นกันว่า BOJ จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป แม้ว่าอีกไม่นานเศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องอยู่ภายใต้การบริหารของนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็ตาม เนื่องจาก BOJ เล็งเห็นว่าการผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
หลังจากที่นายคิชิดะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) นายคุโรดะได้กล่าวในการประชุมเสวนาทางออนไลน์ซึ่งจัดโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกลับคืนสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในปีนี้ หรืออาจจะต้นปีหน้า แต่ BOJ ก็จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายหากมีความจำเป็น
"ไม่ว่านโยบายการคลังหรือนโยบายด้านการกำกับดูแล หรือนโยบายอื่น ๆ จะเป็นเช่นใดในรัฐบาลชุดใหม่ แต่เราในฐานะธนาคารกลางญี่ปุ่น จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป เพื่อผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างมีเสถียรภาพโดยเร็ว นี่เป็นภารกิจของเรา และเราจะไม่เปลี่ยนแปลง" นายคุโรดะยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ทั้ง BOJ และรัฐบาลญี่ปุ่นต่างก็มีบทบาทเป็นของตนเอง แต่การทำงานด้วยกันถือเป็นสิ่งที่ดี
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ยังคงรณรงค์หาเสียงก่อนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคนั้น นายคิชิดะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น เคยกล่าวว่า นโยบายการเงินที่ชัดเจน รวมทั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของ BOJ นั้น ถือเป็นมาตรฐานโลก และควรรักษาเอาไว้
นายคิชิดะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งจะปูทางให้เขาได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นในทันทีหลังจากที่นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกฯคนปัจจุบัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
นายคิชิดะได้รับคะแนนโหวต 257 คะแนน เฉือนเอาชนะนายทาโร โคโนะ ผู้ท้าชิงซึ่งได้ 170 คะแนน
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลผสมภายใต้การนำของพรรค LDP ครองเสียงข้างมากทั้งสองสภาในญี่ปุ่น จึงทำให้นายคิชิดะจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันทีที่สภาไดเอทเริ่มการประชุมสมัยวิสามัญในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (4 ต.ค.)