บริษัทไฟเซอร์และบิออนเทค ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมวิจัยและพัฒนา วัคซีนป้องกันโควิด-19 เปิดเผยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) ว่า บริษัทได้ยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กับเด็กอายุ 5-11 ปีในสหภาพยุโรป (EU) แล้ว ซึ่งหากหน่วยงานควบคุมด้านกฎระเบียบของอียูให้การอนุมัติ วัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทค ก็จะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับเด็ก ๆ ในอียูที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
ไฟเซอร์-บิออนเทค เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นข้อมูลให้กับองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ซึ่งเป็นผลการทดลองเฟสสุดท้ายจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับเด็กจำนวนมากกว่า 2,200 คนที่มีอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 11 ปี โดยเด็ก ๆ จะได้รับวัคซีนในปริมาณโดสที่น้อยกว่าผู้ใหญ่
ในแถลงการณ์ของบริษัทระบุผลการทดลองที่บ่งชี้ว่า วัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทคมีความปลอดภัยและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งให้กับเด็ก
ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนโควิดตัวใดได้รับการอนุมัติให้ใช้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปีทั้งในอียูและในอเมริกาเหนือ โดยอียูได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดของไฟเซอร์-บิออนเทค และของโมเดอร์นาสำหรับเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
ส่วนในสหรัฐอเมริกา ไฟเซอร์-บิออนเทคได้ยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐในเดือนนี้เช่นกัน เพื่อขอใช้วัคซีนโควิดเป็นกรณีฉุกเฉินกับเด็กอายุ 5-11 ปี บริษัทคาดว่าจะได้รับการอนุมัติในเดือนพ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน FDA สหรัฐอนุมัติให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์กับเยาวชนอายุ 12-15 ปีเป็นกรณีฉุกเฉิน และอนุมัติเต็มรูปแบบให้ใช้กับผู้ที่อายุเกิน 16 ปีเท่านั้น
ข่าวระบุว่า FDA มีกำหนดหารือกับที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ว่าจะรับรองให้ใช้วัคซีนดไฟเซอร์เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับเด็กวัย 5-11 ปีหรือไม่
ปัจจุบัน อัตราการติดเชื้อของเด็กในสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อปีที่แล้ว (2563) หลังจากเริ่มเปิดภาคเรียนใหม่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา อ้างอิงจากข้อมูลของสถาบันกุมารแพทย์อเมริกัน
ไฟเซอร์ส่งข้อมูลการทดสอบวัคซีนกับเด็กให้ทาง FDA พิจารณาเมื่อเดือนที่แล้ว โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 2,268 คน โดยผลการทดสอบชี้ให้เห็นว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลสูงกับประชากรอายุ 5-11 ปี