สำนักข่าวเจแปนไทม์รายงานเมื่อวันที่1ธ.ค.64 ว่า กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่น ออกมาตรการใหม่ จนสร้างความตกตะลึง โดยออกคำสั่งโดยตรงไปถึงสายการบินทุกแห่งให้ยุติการเปิด booking หรือจองที่นั่งเที่ยวบินที่จะเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 1 เดือน เพื่อพยายามสกัดกั้นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ 'Omicron' (โอมิครอน) หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนเป็นรายที่ 2 ในญี่ปุ่นแล้ว
กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นชี้แจงว่า การออกมาตรการใหม่นี้ เป็นการออก 'มาตรการฉุกเฉิน' อย่างไรก็ตาม สำหรับบุคคลที่จองเที่ยวบินเดินทางมาญี่ปุ่นแล้วจะยังคงสามารถเดินทางโดยเครื่องบินมายังญี่ปุ่นได้
การตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่น มีขึ้น หลังจากพบชายหนุ่มวัย 20 ปีกว่ารายหนึ่ง ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเปรูโดยเครื่องบินโดยสารมาลงที่ท่าอากาศยานนาริตะในกรุงโตเกียว เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ติดเชื้อโควิดโอมิครอน ซึ่งนับเป็นรายที่สองของประเทศ
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งออกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติทุกคน รวมทั้งชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรในญี่ปุ่นซึ่งเดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้และประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกาอีก 9 ประเทศ รวมเป็น 10 ประเทศ เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่น โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสฯ ที่ 2 ธ.ค.
โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 64 ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางมาจาก แอฟริกาใต้, เอสวาตินี (อดีตประเทศสวาซิแลนด์) ซิมบับเว, นามิเบีย, บอตสวานา, เลโซโท, โมซัมบิก, มาลาวี, แซมเบีย และแองโกลา จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่มีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม มาตรการเข้มงวดนี้ไม่ได้ใช้กับพลเมืองชาวญี่ปุ่นที่เดินทางกลับมาจากประเทศแอฟริกาทั้ง 10 ประเทศ เพียงแต่เมื่อชาวญี่ปุ่นเดินทางจากประเทศแอฟริกาเหล่านี้ กลับเข้ามาญี่ปุ่นแล้ว ต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วัน รวมทั้งต้องกักตัวอีก 4 วันในสถานที่ที่เลือกเอง จากนั้นจะต้องตรวจเชื้อโควิดทุก 3-4 วัน
เจแปนไทม์ ยังระบุว่า การประกาศคำสั่งมาตรการสกัดโควิดโอไมครอนครั้งใหม่ในวันพุธนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ถือเป็นการออกมาตรการสกัดโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุด นับตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา ถึงแม้รัฐบาลได้สั่งห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาประเทศญี่ปุ่น แต่รัฐบาลยังคงอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรในญี่ปุนและพลเมืองชาวญี่ปุนกลับเข้าประเทศได้
ที่มา: เจแปนไทม์