องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกโรงเตือนในวานนี้ (11 ม.ค.) ว่า ประเทศต่างๆไม่ควรนิ่งนอนใจ โดยมองว่า โควิด-19 ได้กลายเป็น โรคประจำถิ่น เหมือนกับ ไข้หวัดใหญ่ แทนที่จะมองว่าเป็นโรคระบาดใหญ่ในวงกว้าง
"เรายังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่ไวรัสมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้เรายังไม่สามารถประกาศว่าโควิด-19 ได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว" นางแคเทอรีน สมอลวู้ด เจ้าหน้าที่อาวุโสของ WHO ประจำภูมิภาคยุโรปกล่าว
นางสมอลวู้ด ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของ WHO ออกมาระบุเตือนดังกล่าวหลังจากที่นายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน กล่าวว่า สเปนอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการติดตามการระบาดของโควิด-19 ให้เป็นเช่นเดียวกับการติดตามโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากความรุนแรงของโควิด-19 ได้ลดลงแล้ว ซึ่งจะทำให้สเปนรับมือกับโควิด-19 เหมือนกับโรคประจำถิ่น แทนที่จะเป็นโรคระบาดใหญ่ในวงกว้าง
ทางด้านนายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลางของ WHO กล่าวเตือนว่า ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือกว่า 50% ของยุโรปจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนภายในเวลา 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า
นายคลูจกล่าวว่า ขณะนี้ยุโรปมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนมากกว่า 7 ล้านรายภายในสัปดาห์แรกของปี2565 ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
"อัตราการเพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์ว่าประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของยุโรปจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนภายในเวลา 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า"
นายคลูจยังระบุก่อนหน้านี้ว่า ยุโรปมีผู้ติดเชื้อรายใหม่คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งโลก และจำนวนผู้เสียชีวิตคิดเป็นสัดส่วน 48% ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และจำนวนผู้เสียชีวิตอาจพุ่งแตะ 500,000 รายภายในเดือนก.พ.นี้