สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ราคาคริปโตเคอร์เรนซี ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยสกุล บิตคอยน์ ดิ่งหลุดจากระดับ 40,000 ดอลลาร์ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 10.51 น.ตามเวลาไทย ราคา บิตคอยน์ ร่วงลง 2,651 ดอลลาร์ หรือ -6.40% แตะที่ระดับ 38,740 ดอลลาร์ ส่วนราคา อีเธอร์เรียม ดิ่งลง 245.95 ดอลลาร์ หรือ -7.98% แตะที่ 2,838.04 ดอลลาร์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2565 เป็นต้นมา บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ราคาร่วงลงไปแล้วมากกว่า 14% ขณะที่อีเธอร์เรียม ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสอง ราคาร่วงสู่ระดับต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์เช่นกัน โดยร่วงลงราว 8% ไปแตะระดับ 2,800 กว่าดอลลาร์
ข่าวระบุว่า สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ราคาร่วงลงตาม ๆกัน เช่น ดอดจ์คอยน์ ราคาร่วงลง 8% ชิบะอินุ ร่วงลง 7% บีเอ็นบี (ไบแนนซ์คอยน์) ร่วงลง 9% ขณะที่คาร์ดาโน, เอ็กซ์อาร์พี, โพลกาด็อต และอื่นๆ ราคาร่วงลงตั้งแต่ 3-10% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สกุลเงินคริปโตร่วงกราวรูดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี Nasdaq ร่วงลงเกือบ 5% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศแผนการลดงบดุลบัญชี ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร และส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ยังสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงสกุลเงินคริปโตเหล่านี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินของเฟดจะส่งผลให้สภาพคล่องไหลออกจากตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงตลาดสกุลเงินคริปโตด้วย จากสถิติของคอยน์แชร์ บริษัทสังเกตการณ์ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล พบว่า ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา มีเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วถึง 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2,400 ล้านบาท