แบงก์ชาติรัสเซียจ่อแบนธุรกรรมคริปโต หวั่นกระทบเสถียรภาพทางการเงิน

21 ม.ค. 2565 | 00:07 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ม.ค. 2565 | 07:28 น.

ธนาคารกลางรัสเซียเสนอให้มีการระงับการใช้สกุลเงินคริปโตและห้ามการทำเหมืองคริปโตในรัสเซียด้วย โดยให้เหตุผลถึงความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน อธิปไตยของนโยบายการเงิน รวมทั้งความเป็นอยู่ของประชาชน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางรัสเซีย เสนอให้มีการสั่งห้ามสถาบันการเงินดำเนินธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ สกุลเงินคริปโต และควรมีการพัฒนากลไกเพื่อสกัดการซื้อขายสกุลเงินดังกล่าวเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินทั่วไปที่มีการใช้กันอยู่ในตลาด รวมทั้งให้มีการระงับการทำธุรกรรมของแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลด้วย

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางรัสเซียระบุเหตุผลว่า การพุ่งขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลในขณะนี้เกิดจากการเก็งกำไร และสกุลเงินดังกล่าวมีลักษณะการทำธุรกรรมเหมือนกับการเล่นแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและต่อประชาชน

 

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดเผยข้อมูลว่า ชาวรัสเซียเป็นกลุ่มที่มีการใช้สกุลเงินคริปโตในระดับสูง โดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมคริปโตสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี และรัสเซียมีเหมืองขุดคริปโตใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และคาซัคสถาน

แบงก์ชาติรัสเซียจ่อแบนธุรกรรมคริปโต หวั่นกระทบเสถียรภาพทางการเงิน

ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียมีนโยบายต่อต้านการใช้สกุลเงินคริปโต เนื่องจากมองว่ามีการใช้สกุลเงินดังกล่าวในการฟอกเงินและก่ออาชญากรรมทางการเงิน แม้ว่าหลายประเทศในโลกจะเริ่มเปิดรับการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินคริปโตมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างล่าสุดเช่นกรณีของฟิลิปปินส์ ที่ธนาคารพาณิชย์กำลังวางแผนจะเปิดให้บริการซื้อขายและรับฝากเงินคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อตอบรับกระแสความนิยมของสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังมาแรงภายในประเทศ

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารยูเนียนแบงก์ของฟิลิปปินส์ มีแผนจะเปิดให้บริการดังกล่าวข้างต้น โดยแคธี คาซัซ หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนและกลุ่มแอปพลิเคชันของยูเนียนแบงก์เปิดเผยว่า นักลงทุนชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มที่จะถือครองทรัพย์สินดิจิทัลเฉลี่ยที่ 3-5% ของพอร์ตการลงทุนในช่วง 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอยู่ในภาวะที่มีเสถียรภาพ โดยนักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่นั้นเป็น “คนรุ่นใหม่” ซึ่งนอกจากการเทรดเพื่อเก็งกำไรแล้ว บางคนเลือกเล่นเกมบนบล็อกเชนประเภท Play to Earn เพื่อรับรางวัลเป็นโทเคนคริปโตอีกด้วย

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ชาวฟิลิปปินส์ราว 5% มีการถือครองสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการจากไบแนนซ์ (Binance) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดในโลก

 

ด้วยความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกออกมาดำเนินการควบคุมตลาดเพื่อปกป้องผู้บริโภค โดยในสัปดาห์นี้ สิงคโปร์ได้แจ้งบริษัทในภาคส่วนดังกล่าวให้หยุดทำการตลาดที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากจะสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนรายย่อย ขณะที่อังกฤษ ก็ห้ามการโฆษณาบริการด้านคริปโตแก่สาธารณชนทั่วไปเช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลวิจัยที่บ่งชี้ว่า ประชาชนยังมีความเข้าใจน้อยเกี่ยวกับแวดวงคริปโต ซึ่งหมายความว่า ผู้บริโภคบางส่วนอาจไม่ได้มีความเข้าใจอย่างเต็มที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ที่พวกเขาจะเข้าซื้อหรือเข้าไปลงทุน

 

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอังกฤษระบุว่า โฆษณาเกี่ยวกับสินทรัพย์คริปโตจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายโฆษณาการเงินในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า โฆษณาในประเภทนี้จะต้องเป็นไปตามระเบียบของสำนักงานกำกับตลาดการเงินของอังกฤษ (FCA) เช่นเดียวกันกับโฆษณาเกี่ยวกับหุ้นและประกันประเภทต่าง ๆ

 

ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อพยายามปกป้องนักลงทุนรายย่อยจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีนั้น มีความเสี่ยงสูงและอาจจะไม่เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป เนื่องจากอาจมีการปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงจากการเก็งกำไร