เงินคริปโตยังร่วงต่อเนื่อง  มาร์เก็ตแคปสูญแล้วเกือบ 1.5 แสนล้านดอลล์

ราคาบิตคอยน์ ร่วงลงอย่างหนักวานนี้ (21 ม.ค.) ขณะที่ราคา อีเธอร์เรียม และ สกุลเงินดิจิทัล อื่น ๆ ก็พลอยดิ่งลงด้วยตาม ๆกัน ซึ่งทำให้มูลค่า ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หายไปเกือบ 150,000 ล้านดอลลาร์

Coin Metrics รายงานว่า บิตคอยน์ร่วงลงประมาณ 15% สู่ระดับราว 36,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (21 ม.ค.)  ขณะที่อีเธอร์เรียม ร่วงลงประมาณ 20% สู่ระดับราว 2,500 ดอลลาร์

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เงินคริปโตดังกล่าวร่วงลงตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยในสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 4.6%, ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 7.6% และดัชนี S&P500 ร่วงลง 5.7% โดยดัชนีเหล่านี้ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว 

ทั้งนี้ แนวโน้มที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้กระตุ้นให้บรรดานักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงด้วย โดยในช่วงต้นสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.9% หลังจากที่เฟดระบุว่า กำลังวางแผนจะทำ 3 สิ่งนี้ ซึ่ง ได้แก่

• การปรับลดงบดุลบัญชี
• ลดการซื้อพันธบัตร
• ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ตลาดคริปโต ยังคงถูกกดดันจากการควบคุมด้านกฎระเบียบ โดยจีนได้สั่งห้ามการทำกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวกับคริปโตทั้งหมด และทางการสหรัฐก็กำลังดำเนินการเพื่อควบคุมตลาดดังกล่าวบางส่วนด้วย

ส่วนธนาคารกลางรัสเซียยังได้เสนอให้รัฐบาลสั่งห้ามการใช้เงินคริปโตและห้ามการทำเหมืองคริปโตในประเทศรัสเซียด้วย โดยระบุว่า เงินดิจิทัลสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพและอธิปไตยทางการเงิน ขณะที่รัสเซียนั้นเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ทำเหมืองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก