ผู้นำรัสเซีย-ฝรั่งเศส จับเข่าเจรจาหวังปลดชนวนวิกฤตยูเครน

แถลงการณ์จาก ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า การเจรจาระหว่าง ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน และ ปธน.เอมมานูเอล มาครง ในครั้งนี้มีขึ้น ท่ามกลางมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยผู้นำทั้งสองไม่มีการจับมือทักทายกัน และนั่งเก้าอี้ห่างกันโดยอยู่ตรงข้ามกันของโต๊ะทำงานรูปไข่

ปธน.มาครงคาดหวังว่าการเดินทางเยือนกรุงมอสโก และการเข้าพบปธน.ปูตินจะช่วยคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับยูเครน และจะมีการสร้างสมดุลใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก รวมทั้งจะมีการบรรลุข้อตกลงที่จะช่วยป้องกันสงครามที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน

ทั้งนี้ ปธน.มาครงมาเจรจากับปธน.ปูตินในฐานะผู้นำฝรั่งเศส และประธานหมุนเวียนของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะครบวาระในเดือนมิ.ย.2565

อย่างไรก็ดี นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียไม่คาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับประเด็นยูเครนจากการพบปะกันระหว่างปธน.ปูตินและปธน.มาครงในการพบปะครั้งนี้

"ขณะนี้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะคาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญเกิดขึ้นจากการประชุมเพียงครั้งเดียว" นายเพสคอฟกล่าว และเสริมว่า เขาคาดหวังว่า อย่างน้อย ปธน.มาครงจะเสนอแนวทางที่จะช่วยคลายความตึงเครียดในประเด็นยูเครน

นอกจากนี้ นายเพสคอฟกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการกล่าวถึงการลดความตึงเครียดในยูเครนในขณะที่ตะวันตกยังคงกระพือข่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความหวาดกลัวเกี่ยวกับการที่รัสเซียเตรียมโจมตียูเครน

กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงก่อนหน้านี้ว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้รับข้อมูลว่ารัสเซีย กำลังมีแผนจะทำคลิปวิดีโอปลอมเพื่อให้รัสเซียมีความชอบธรรมในการโจมตียูเครน โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รัสเซียเตรียมจัดฉากถ่ายทำวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าทหารยูเครนได้เข้าโจมตีรัสเซียก่อน โดยมีการทำร้ายชาวรัสเซีย ซึ่งจะมีการแสดงศพผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีตัวละครซึ่งจะรับบทเป็นผู้ที่กำลังคร่ำครวญเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งแสดงภาพสถานที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพยูเครน

สหรัฐเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียกำลังตรึงกำลังทหารราว 100,000 นายตามแนวชายแดนยูเครน โดยการบุกโจมตีของรัสเซียนั้น “อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ”

ทั้งนี้ รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อให้มีการรับประกันว่า นาโตจะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่สหรัฐและพันธมิตร ก็จะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต

ก่อนหน้านี้ ปธน.ปูตินได้สนทนาทางโทรศัพท์กับปธน.มาครงเมื่อเดือนที่แล้ว โดยปธน.ปูตินเน้นย้ำว่า เขาไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้ากัน และทุกฝ่ายจะต้องใช้ความพยายามลดความตึงเครียดในยูเครน โดยจะต้องเปิดช่องทางการเจรจาต่อไป ซึ่งสะท้อนสิ่งที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียไม่ต้องการทำสงครามกับยูเครน

ต่อจากนี้ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำคนใหม่ของเยอรมนี ก็มีกำหนดเยือนกรุงมอสโกในวันที่ 15 ก.พ.เพื่อหาทางผ่อนคลายวิกฤตการณ์ยูเครนเช่นกัน