กัมพูชา เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวขนาดใหญ่ใน วันวาเลนไทน์ 14 ก.พ.นี้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังจำนวนผู้ป่วยเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์สายพันโอมิครอน ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แมม บุญเฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ว่าประชาชนบางคน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว มักจะรวมตัวกันเพื่อความบันเทิง หรือรับประทานอาหารร่วมกันในวันวาเลนไทน์ของทุกปี แม้ว่าจะไม่ใช่ประเพณีของกัมพูชาก็ตาม
“กิจกรรมเหล่านี้อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สู่ชุมชนในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน" บุญเฮงกล่าว พร้อมเสริมว่า "กระทรวงฯ ขอเตือนประชาชนทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนหนุ่มสาว ให้เฝ้าระวังตัวถึงความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัส จะแพร่กระจายในชุมชนของเรา และให้ดำเนินมาตรการด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด"
รมว.สธ.ของกัมพูชากล่าวว่า การฉีดวัคซีนควบคู่กับ แนวปฏิบัติ “3 ข้อควรทำ” และ “ 3 ข้อห้าม” เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคโควิด-19 โดย ข้อควรทำ 3 ประการ ได้แก่
ส่วน ข้อห้าม 3 ประการ ได้แก่
พร้อมกันนี้ สธ.กัมพูชา กำชับให้หน่วยงานท้องถิ่นส่งเสริมมาตรการเหล่านี้ในหมู่ประชาชนทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กัมพูชารายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เพิ่ม 274 ราย ในวันศุกร์ (11 ก.พ.) โดยขณะนี้กัมพูชามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่ 122,742 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยเสียชีวิต 3,015 ราย และผู้ป่วยหายดี 118,525 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ในประเทศเมื่อเดือนมกราคม 2563
ปัจจุบัน กัมพูชาได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส ให้ประชาชน 14.37 ล้านคน หรือ 89.8% ของประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ได้รับวัคซีนครบโดสเกือบ 13.8 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 86.2% โดยใช้วัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์มของจีนเป็นส่วนใหญ่